ผมเคยโพสต์เกี่ยวกับการติดตามสถานการณ์การลงทุนในหุ้นไทยว่า ตลาดไทยเป็นตลาดที่เล็กมาก ความเป็นไปของหุ้นบ้านเราจึงถูกกำหนดทิศทางโดยนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก ดังนั้นการเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ข้อนี้ผมเพิ่งเห็นความสำคัญแบบจริงจังเมื่อไม่นานมานี้ และแม้ว่าข้อมูลการซื้อขายของต่างชาติจะมีให้บริการผ่านโบรกเกอร์บางแห่งและผ่านบริการข้อมูล SET Smart ของตลาดหลักทรัพย์ แต่ข้อมูลเหล่านี้ก็สามารถย้อนหลังไปได้เพียง 3 - 5 ปี เท่านั้น แถมยังต้องเสียค่าบริการเป็นหลักหมื่นบาทต่อปีอีกด้วย ด้วยข้อจำกัดดังกล่าวทำให้ผมเริ่มเก็บข้อมูลด้วยตนเองเป็นกิจวัตรประจำ ดังที่ได้โพสต์แชร์ข้อมูลการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติทุก ๆ สิ้นวันทำการของตลาดมาได้ระยะหนึ่งแล้ว พร้อม ๆ กันนี้ ผมได้สืบค้นข้อมูลย้อนหลังผ่านทางกูเกิล เพื่อเก็บข้อมูลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ผมสามารถสืบค้นข้อมูลย้อนหลังไปทีละวันจนถึงปลายปี 2006 จากจุดนั้นไปจะหาข้อมูลได้ยากมากขึ้นตามลำดับ จนไม่สามารถย้อนหลังไปได้อีก เนื่องจากการแพร่ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตยังไม่เป็นที่สะดวกรวดเร็วอย่างในทุกวันนี้นั่นเอง ระหว่างการสืบค้นนี้ ผมได้พบว่า การเก็บข้อมูลด้วยตนเองมีประโยชน์อย่างมาก คือทำให้เราได้ทราบบรรยากาศการลงทุน ในขณะเวลานั้น ๆ ไปด้วยโดยอัตโนมัติ ได้ข้อคิดและประสบการณ์เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว การสืบค้นของผมไปหยุดลงแถว ๆ บริเวณการปฏิวัติ คมช. ปลายปี 2006 เพราะไม่มีข้อมูลในอินเทอร์เน็ตที่เก่ากว่านั้น ข้อมูลที่ผมเก็บเป็นประจำทุกวันทำการของตลาดและย้อนหลังไปน้ันได้แก่ ระดับปิดของดัชนี SET และปริมาณการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ดังตัวอย่างในกราฟข้างล่าง ข้อมูลดังกล่าวครอบคลุมกรอบเวลาเพียงแค่การฟื้นตัวจากวิกฤติซับไพรม์เท่านั้น การใช้ประโยชน์ในการศึกษาความเคลื่อนไหวของทุนต่างชาติจึงจำกัดไปด้วย
ไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมศูนย์สารสนเทศและความรู้มารวย (ห้องสมุดมารวย) ที่ชั้น 1 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ติดกับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS จากสถานีพญาไท ไปลงสถานีอโศก แล้วต่อรถไฟใต้ดิน MRT ที่สถานีสุขุมวิท (หรือสถานีอโศกของ BTS) ไปอีกสถานีเดียวลงที่สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผมไม่ได้จับเวลาการเดินทาง แต่คิดว่าใช้เวลาไม่น่าเกิน 20 นาที พอไปถึงถาม รปภ. หน้าตึกว่าห้องสมุดอยู่ไหน ปรากฏว่า อยู่หลังที่ รปภ. ยืนอยู่นั่นเอง เมื่อเข้าไปภายใน ผมตรงเข้าไปปรึกษาบรรณารักษ์ ว่าผมต้องการสืบค้นข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติย้อนหลังไปไกลกว่าปี 2006 ก็ได้รับคำแนะนำเป็นอย่างดี ว่า ข้อมูลที่ผมหา มีให้บริการสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์ภายในห้องสมุด ที่มีอยู่ประมาณ 30 เครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์และเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการลงทุนเท่านั้น และไม่สามารถบันทึกข้อมูลลงดิสก์หรือส่งข้อมูลออกผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ ส่วนข้อมูลที่ผมต้องการนั้นสามารถสืบค้นย้อนหลังไปได้เท่าที่ตลาดหลักทรัพย์มีข้อมูลอยู่โดยไม่มีข้อจำกัดย้อนหลัง 3 - 5 ปี เหมือนการซื้อบริการข้อมูลผ่าน SET Smart หรือผ่านโบรกเกอร์ (โบรกเกอร์ซื้อข้อมูลมาจากตลาดหลักทรัพย์อีกต่อหนึ่ง) การใช้บริการก็เพียงแค่นำบัตรประชาชนยื่นให้บรรณารักษ์เพื่อออก รหัสผ่าน แล้วเซ็นชื่อใช้บริการ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ รหัสผ่าน 1 ใบ ใช้บริการได้ 3 ชั่วโมง เมื่อหมดแล้วก็ไปเซ็นชื่อขอใบใหม่ได้อีกทุก 3 ชั่วโมง สิ่งที่ต้องเตรียมไปก็คือ กระดาษและปากกา เมื่อได้รหัสผ่านแล้วก็ไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งใน 30 เครื่องซึ่งกระจายอยู่ตามมุมต่าง ๆ ในห้องสมุดทั้งสองชั้นครับ ผมใช้เวลา 6 ชั่วโมงในวันนั้นเพื่อจด จด แล้วก็จด ข้อมูลที่หาไม่ได้ที่ไหนแล้วนอกจากที่นี่ แต่ก็สามารถย้อนหลังไปได้ถึงเพียงปลายปี 2005 ทำให้ต้องใช้เวลาอีก 6 ชั่วโมง ในวันต่อมาเพื่อย้อนไปถึงปลายปี 2003 เมื่อผมนำข้อมูลปริมาณหุ้นในมือนักลงทุนต่างชาติ กับระดับดัชนี SET มาวาดกราฟ ก็ได้ออกมาดังภาพข้างล่างครับ
ภาพที่ออกมาทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนจากเส้นกราฟสีน้ำเงินว่า ปริมาณเงินทุนไหลเข้ารอบปัจจุบันเมื่อเทียบกับการไหลเข้าเมื่อกลางปี 2004 (หลังวิกฤติไข้หวัดนกครั้งแรกในประเทศไทย) แล้ว เรียกว่า เด็ก ๆ ไปเลย กล่าวคือ การไหลเข้าครั้งที่แล้วมีปริมาณรวมถึง สี่แสนล้านบาท ส่วนในรอบปัจจุบันเพิ่งเข้ามาได้เพียงประมาณสองแสนล้านบาทเท่านั้นครับ ทีนี้เราลองมาดูเฉพาะการเปลี่ยนแปลงปริมาณหุ้นในมือนักลงทุนต่างชาติเป็นรายวันว่าจะเห็นอะไรเพิ่มเติมบ้าง ผลการวาดกราฟที่ผมได้มาจากห้องสมุดมารวยเป็นดังภาพข้างล่างครับ
นับตั้งแต่ต้นปี 2004 เป็นต้นมา นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิภายในวันเดียวสูงสุด 15,361.99 ล้านบาท เมื่อต้นปี 2006 และขายสุทธิภายในวันเดียวสูงสุด 25,124.97 ล้านบาท เมื่อปลายปี 2006 โดยเฉลี่ยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยวันละ 127.72 ล้านบาท
ผมรับใช้มาถึงตรงนี้ เพื่อนนักลงทุนคงเห็นประโยชน์ของแหล่งข้อมูลที่ให้บริการฟรีของห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบ้างแล้วนะครับ นอกจากบริการข้อมูลดังกล่าวแล้ว ยังมีบริการให้สมาชิกยืมหนังสือลงทุนซึ่งมีอยู่มากมาย ที่ออกใหม่จากต่างประเทศก็มีมาเพิ่มเติมตลอดเวลา เนื่องจากชั้นล่างของห้องสมุดมีห้องน้ำสะอาดบริการ มี WiFi ของทรูขาย โต๊ะนั่งมีที่เสียบปลั๊กคอมพิวเตอร์ เปิดบริการ 8.30 ถึง 23.00 น. ทุกวัน วันศุกร์และเสาร์ปิดเที่ยงคืน ให้บริการไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ จึงมีนักลงทุนและประชาชนทั่วไปเข้าไปใช้บริการค่อนข้างมาก บ้างก็เข้าไปอ่านหนังสือพิมพ์ บ้างก็ไปติวหนังสือกัน ทีผมแปลกใจมากก็คือ อาแปะ อาซิ้ม อาม่า อากง เกือบทุกคนที่นั่งอยู่ในนั้นใช้ไอแพดเป็นกันหมด ผมพบนักลงทุนหลายคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์คุ้น ๆ ว่าเป็นรายใหญ่ระดับร้อยล้าน (ไม่กล้าทัก กลัวผิดคน) และยังมีโอกาสทักทายคุณบรรพต ธนาเพิ่มสุข เอ็มเจรายการ GET SET แห่ง Money Channel ด้วย ผมตั้งใจจะสืบค้นข้อมูลย้อนหลังไปถึงอย่างน้อยก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง เพราะน่าจะได้ความรู้เพิ่มอีกมาก แต่สองวัน สิบสองชั่วโมงกับการจดข้อมูลก็ทำให้ผมต้องขอพักไปสักระยะหนึ่งก่อน ไว้มีโอกาสจะกลับไปทำภารกิจนี้ต่อครับ ภาพข้างล่างเป็นบรรยากาศภายในห้องสมุดมารวยที่ผมแอบถ่ายมาฝากเพื่อนนักลงทุนครับ
บรรยากาศชั้นล่างของห้องสมุดมารวย
คอมพิวเตอร์สืบค้นข้อมูลที่ชั้นล่างของห้องสมุดมารวย
คอมพิวเตอร์สืบค้นข้อมูลที่ชั้นบนของห้องสมุดมารวย
===================================================
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา" ที่