Thursday, September 30, 2010

IVL มีแนวโน้มจะเป็น "หุ้นในดวงใจ"

แม้ว่าหุ้น IVL (บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส) จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ไม่ถึงหนึ่งปี แต่ตามประวัติแล้วได้เคยส่งบริษัทลูก อินโดรามาพอลิเมอร์ (IRP) เข้าตลาดหุ้นมาตั้งแต่ปี 2548 ตอนหลังเมื่อปลายปี 2552 ได้ถอนลูกออกจากตลาดและเอาแม่เข้าแทน ผมได้สังเกตกราฟราคาหุ้นรายวันของ IVL พบว่าเข้าข่าย "หุ้นในดวงใจ" ตามคำแนะนำของคุณ วิชัย วชิรพงศ์ ที่ว่า ให้หาหุ้นที่ราคาเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณซื้อขายลดลง ซึ่งแสดงว่ามีคนต้องการหุ้นมาก ซื้อเก็บไว้แล้วไม่ปล่อยออกมาหมุนเวียนในตลาด จากกราฟข้างล่างประกอบกับข้อเท็จจริงต่าง ๆ ต่อไปนี้ ทำให้ผมคิดว่า IVL มีแนวโน้มอย่างมากที่จะเป็น "หุ้นในดวงใจ" ของผมได้
  • บริษัทเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PET ที่ใช้ทำขวดบรรจุภัณฑ์ เช่น น้ำดื่ม น้ำชาเขียว น้ำอัดลม รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก และกำลังมุ่งมั่นขยายกิจการโดยการ take over เพื่อเป็นอันดับ 1 ต่อไป มีโรงงาน 13 แห่ง กระจายใน 3 ทวีปทั่วโลก ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง
  • ราคาหุ้นและกำไรเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ROE สูงประมาณ 30%
  • ปรับราคาผลิตภัณฑ์ได้ตามสภาวะเศรษฐกิจ ขวดพลาสติก PET จะขายดีมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
  • ผู้บริหาร (อาลก โลเฮีย) กลายเป็นเศรษฐีอันดับ 5 ของไทย ในปี 2553 ทำงานในประเทศไทยมากว่า 20 ปี โดยไม่มีประวัติความไม่ชอบมาพากลในการบริหารงาน
(คลิกภาพเพื่อขยาย)
ถ้าดูสัญญาณในกราฟ จะพบว่า ราคาหุ้นอยู่ในรอบขาขึ้นอย่างชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคที่ควรติดตามมีเพียงสองตัวคือ SMA 25 และ SMA 50 วัน การเพิ่มของราคาหุ้น IVL เป็นไปอย่างต่อเนื่องสลับกับการพักฐานระยะ 1-2 เดือน จากกราฟจะพบว่า SMA 25 ยังไม่เคยตัดกับ SMA 50 วันแบบตัดลงเลย อย่างมากก็แค่เข้ามาใกล้ หรือเข้ามาแตะ แล้วถอยห่างออก แนวโน้มนี้แสดงถึงการที่ราคาหุ้น IVL จะยังไปต่อได้อีกเรื่อย ๆ และราคาหุ้นจะพักฐานรอบใหญ่ก็ต่อเมื่อยืนยันด้วยการที่ SMA 25 ตัดกับ SMA 50 วันแบบตัดลงก่อนเท่านั้น ซึ่งในขณะนี้ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเกิดขึ้น

=============================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

Monday, September 27, 2010

คุณมีความหนักแน่น มั่นคงต่อสัญญาณซื้อขายระยะยาวมากแค่ไหน ?

หุ้น Google เป็นหุ้นในดวงใจของผม นับตั้งแต่ต้นปี 2010 GOOG ได้ทำการปรับฐานเพื่อสะสมพลังเตรียมพร้อมที่จะทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ในอนาคต การปรับฐานครั้งนี้ได้ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 9 เดือนแล้ว ผมได้ยุติการซื้อสะสมหุ้น Google ไว้นานพอสมควร และได้แต่เฝ้ารอคอยโอกาสที่จะเข้าซื้อสะสมอีกครั้ง ซึ่งหุ้น google มีพฤติกรรมที่ทำนายด้วยกราฟทางเทคนิคระยะยาวได้ดีพอสมควร จะเห็นได้จากสัญญาณการเริ่มฟื้นตัวและการปรับฐานในรอบที่ผ่านมา ดังกราฟราคาหุ้น GOOG ในรอบ 2 ปี รายสัปดาห์ข้างล่าง

(คลิกภาพเพื่อขยาย)






































ปัญหามีอยู่ว่า การปรับฐานในปัจจุบันได้สิ้นสุดลงหรือยัง การพุ่งทะยานขึ้นของ GOOG ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มทำให้เรามีความหวังแล้วว่าการปรับฐานใกล้จบแล้ว แต่เราแน่ใจได้หรือยัง ? เรากำลังพลาดการซื้อ ณ จุดตำสุดแล้วหรือ ? สำหรับผมแล้วขอตอบว่า ผมจะยังไม่เข้าซื้อจนกว่าจะมีการยืนยันอย่างแน่ชัด ด้วยสัญญาณทางเทคนิค มาดูกราฟรายวันของ GOOG รอบ 6 เดือนที่ผ่านมาประกอบการตัดสินใจกันครับ

(คลิกภาพเพื่อขยาย)


































ในเหตุการณ์นี้ ผมจะยังไม่ผลีผลามเข้าไปซื้อหุ้น GOOG ในตอนนี้ เพราะเมื่อดูจากกราฟรายวัน รอบ 6 เดือนข้างบน จะเห็นว่า สัญญาณ SMA ได้ยืนยันการพักฐาน บริเวณจุด A กล่าวคือ SMA 50 วัน ตัดลงกับ SMA 200 วัน จากนั้น SMA 100 วัน ก็ตัดลง SMA 200 วัน ซ้ำเข้าไปอีก การพักฐานรอบนี้ราคาหุ้นลงไปทำจุดต่ำสุดในเดือน July 2010 แล้วจึงพยายามไต่กลับขึ้นมา ราคาหุ้นตัดผ่าน SMA 50 สำเร็จแต่ไม่สามารถยืนอยู่ได้จึงตกลงมาแบบตกวูบ แล้วค่อยขึ้นไปใหม่ คราวนี้ยืนเหนือ SMA 50 ได้จึงออกแรงมากขึ้นหวังจะตัดผ่าน SMA 100 บริเวณจุด B ความพยายามนี้ไม่สำเร็จจึงได้ตกลงมาแตะ SMA 50 แต่สุดท้ายก็ยืนที่ SMA 50 ไม่ไหวตกผ่านลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่จุดต่ำสุดนี้ ยังสูงกว่าจุดต่ำสุดคราวก่อน (ทำ higher low) การทำ higher low เป็นสัญญาณที่ดี จากนั้นราคาหุ้นได้ไต่ขึ้นไปตัดผ่าน SMA 50 และยืนอยู่ได้แบบสบาย ๆ ที่บริเวณนี้ SMA50 และ SMA 100 วัน ได้ลู่เข้าหากันใกล้มากแล้ว ดังนั้นราคาหุ้นจึงได้ตัดผ่าน SMA 100 ขึ้นไปได้โดยไม่ยาก และพุ่งผ่านระดับราคาเดิมที่บริเวณ B ไปได้ ที่จุด C ในปัจจุบัน ราคาหุ้นได้ตัดผ่าน SMA 200 วันขึ้นไปได้แล้ว แต่ไม่แน่ว่าจะยืนเหนือเส้น SMA 200 วัน ได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ จากแนวโน้มที่เห็นจากกราฟ ผมคิดว่าราคาหุ้นถึงเวลาต้องพักเหนื่อยแล้ว เพราะ ระดับของสัญญาณ RSI ได้ทำ peak ไปแล้ว และหุ้น GOOG อยู่ในเกณฑ์ overbought อย่างมาก (RSI > 80) การเข้าซื้อ GOOG ในตอนนี้ยังถือว่าเสี่ยงอยู่โดยเฉพาะการซื้อด้วย margin loan ดังนั้นผมจึงตัดสินใจว่าจะรอให้ SMA 50 วัน ตัดขึ้นผ่าน SMA 100 วัน ไปก่อน ระหว่างนี้ ราคาหุ้นอาจจะลงมาจากระดับของ SMA 200 วัน เพื่อให้ SMA 50 วัน ตามขึ้นมาใกล้ก่อน ผมจะแน่ใจอย่างที่สุดก็ต่อเมื่อ SMA 50 ได้ขึ้นไปตัดผ่าน SMA 200 วัน และ ราคาหุ้นสามารถยืนเหนือ SMA 200 วันแล้วเท่านั้น


====================
เพิ่มเติมข้อมูล 20 ต.ค. 2553
====================
จากการเกิดสัญญาณสิ้นสุดการพักฐานครั้งแรกของ หุ้น Google (GOOG) โดยการตัดกันของ SMA 50 และ SMA 100 วัน แบบขาขึ้น พร้อมกับราคาหุ้นที่ผ่าน SMA 200 ขึ้นไปได้ ผมได้รอดูว่า ราคาหุ้นจะยืนเหนือ SMA 200 ได้หรือไม่ ซึ่งปรากฎว่า ราคาของ GOOG สามารถยืนอยู่ได้ตลอดสองสัปดาห์ต่อมา ทำให้ RSI ลดค่าจากประมาณ 90 (overbought) ลงเหลือประมาณ 60 จากนั้นเมื่อ Google ประกาศผลประกอบการ Q3 ของปี 2553 ออกมาดีเกินคาดมาก ราคาหุ้นได้พุ่งกระโดดจาก 540 USD ไปที่ประมาณ 580 USD พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงมากอย่างเห็นได้ชัด เป็นการสำทับสัญญาณซื้อที่เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อสองสัปดาห์ก่อนอีกชั้นหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นยืนยันว่า การพักฐานของ GOOG ได้สิ้นสุดลงแล้ว
เมื่อพิจารณา SMA 50 ที่เกือบจะไปตัดกับ SMA 200 วัน แบบขาขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว ผมจึงตัดสินใจเริ่มเข้าเก็บหุ้น GOOG เพิ่มเติมได้ต่อไป การรอให้ราคายืนอยู่เหนือ SMA 200 วัน นับจากเกิดสัญญาณซื้อครั้งแรก (SMA 50 ตัด SMA 100 แบบขาขึ้น) จนกระทั่งเกิดการกระโดดของราคาขึ้นไปอย่างมาก ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นไปประมาณ 60 USD จากระดับ 520 USD หรือประมาณ 12% นี่คือค่าเสียโอกาสที่ผมยินดีจ่ายเพื่อแลกกับความเสี่ยงที่ลดลงอย่างมาก การกระโดดขึ้นของราคาที่สูงมากเป็นเครื่องยืนยันอีกประการหนึ่งว่า GOOG จะยังคงเป็นหุ้นในดวงใจของผมไปได้อีกนาน


(คลิกภาพเพื่อขยาย)


































ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

GOOG (Google Inc.) หุ้นในดวงใจ ตามแนว วิชัย วชิรพงศ์

งานหลักของนักลงทุนที่จะต้องทำเป็นประจำไม่ใช่การเฝ้าหน้าจอเพื่อลุ้นราคาหุ้นในพอร์ต แต่เป็นการเสาะแสวงหา หุ้นในดวงใ ให้พบ เมื่อพบแล้ว งานที่จะต้องทำต่อไปคือ การหาจังหวะเข้าซื้อ และจังหวะขายออกให้เหมาะสม ซึ่งควรจะดำเนินการในกรอบระยะเวลาที่ค่อนข้างยาว เนื่องจากมีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจำนวนไม่น้อยที่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการลงทุนในระยะยาวย่อมดีกว่าการซื้อขายบ่อย ๆ


การหาหุ้นในดวงใจนั้น คุณวิชัย  วชิรพงศ์ แนะนำให้ดู หุ้นตัวที่ราคาเพิ่ม แต่ปริมาณซื้อขายลด  ซึ่งปรากฏการณ์นี้อธิบายได้ว่า มีความต้องการเป็นเจ้าของหุ้นตัวนี้มาก เมื่อนักลงทุนซื้อหุ้นได้แล้วจะเก็บหุ้นไว้ไม่ปล่อยออก ทำให้มีหุ้นที่หมุนเวียนซื้อขายอยู่ในตลาดน้อยลงเรื่อย ๆ แสดงว่าเป็นหุ้นที่ดี คนที่ต้องการหุ้นจึงต้องทยอยซื้อแพงขึ้นเรื่อย ๆ


ในโพสต์นี้ ผมขอนำเสนอ หุ้น GOOG (Google Inc.) ซึ่งเป็นตัวที่ผมคิดว่าเป็นหุ้นในดวงใจได้ เนื่องจากในช่วงที่เป็นขาขึ้นนั้น หุ้นมีปริมาณซื้อขายลดลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ราคาทยอยเพิ่มสูงขึ้น กราฟข้างล่างได้แสดงให้เห็นปรากฏการณ์นี้มาแล้วสองรอบในช่วงห้าปีที่ผ่านมา



















ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่    facebook.com/thstockinvest    twitter.com/thstockinvest 

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

Thursday, September 23, 2010

ดูจุดเริ่มของหุ้นขาขึ้นรอบใหญ่ จาก MACD รายเดือน: PS

ตลอดปี 2551 ราคาหุ้น PS ได้ตกต่ำลงมากจนกระทั่งเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งเมื่อต้นปี 2552 ประมาณเดือนพฤษภาคม 2552 MACD รายเดือนของ PS ได้ตัดกับแกนศูนย์ แบบตัดขึ้น ยืนยันจุดเริ่มของหุ้นขาขึ้นระยะยาวรอบใหม่ จุดนี้เป็นจุดเดียวกันกับขณะที่ราคาหุ้นตัดผ่าน SMA 25 เดือนขึ้นไปได้ นักลงทุนที่อดทนรอจนกว่าจะมีสัญญาณรายเดือนออกมายืนยันแบบนี้จะเสี่ยงน้อยกว่าผู้ที่ใจร้อน เข้าซื้อตั้งแต่ช่วงต้นปี 2552 ซึ่งหุ้นเริ่มโงหัวขึ้น แต่ไม่มีความแน่ใจได้เลยว่าหุ้นจะไม่ลงต่อไปอีก

(คลิกภาพเพื่อขยาย)




============================================================


ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial


หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

ดูพฤติกรรมการพักฐานของหุ้น CK จาก SMA 25 และ SMA 50

ประมาณปลายเดือนกันยายน 2552 หุ้น CK ได้ทำ new high แล้วถดถอยลงมา ต้นเดือนพฤศจิกายน 2552 SMA 25 ได้ตัดกับ SMA 50 แบบตัดลง เป็นการยืนยันว่าราคาหุ้นจะพักรอ SMA 200 ก่อน เมื่อ SMA 200 ตามมาทันในช่วงปลายเดือนมกราคม 2553 ราคาได้นัวเนียอยู่กับSMA 200 ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม 2553 จึงได้เริ่มปรับตัวขึ้น จากนั้นได้พักฐานโดยเคลื่อนในแนวราบออกข้างไปชนกับ SMA 50 จุดนี้เป็นบริเวณที่ SMA 25 ถอยลงมาแตะ SMA 50 แต่ไม่ตัดลงแสดงว่ายังไปต่อได้อีก โดย CK พุ่งขึ้นไปทำ new high อีกครั้ง ขณะนี้ก็ต้อง let profit run ไปจนกว่า SMA 25 จะตัดกับ SMA 50 แบบตัดลงเพื่อยืนยันการพักฐานรอบใหม่ มาตามดูกันต่อไปครับ

(คลิกภาพเพื่อขยาย)


ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

สังเกตพฤติกรรมการพักฐานราคาของหุ้น TPIPL จาก SMA25/50

ระหว่างขาขึ้นของหุ้น TPIPL เมื่อวัดด้วยสัญญาณทางเทคนิค SMA 25 (เส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน) และ SMA 50 (เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน) พบว่า ถ้า SMA 25 ตัด SMA 50 แบบตัดลงล่าง จะเป็นสัญญาณว่าราคาหุ้นจะพักฐานเพื่อสะสมพลังก่อนไปต่อ โดยค่อย ๆ เคลื่อนออกข้างและลงล่างเพื่อรอให้ SMA 200 ตามขึ้นมาทันก่อน ราคาหุ้นจึงจะเริ่มเพิ่มขึ้นอีกรอบ ในช่วงกลางเดือนกันยายน 2553 SMA 25 ของ TPIPL ได้ตัดกับ SMA 50 แบบตัดลงล่างเป็นการยืนยันว่า ราคาหุ้นจะพักเพื่อรอ SMA 200 ให้ตามมาทันอีกครั้ง มาคอยดูกันครับว่าจะเป็นตามที่คาดไว้หรือไม่

(คลิกภาพเพื่อขยาย)



===========================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

Friday, September 17, 2010

จะรู้ได้อย่างไรว่า รายใหญ่กำลังทยอยสะสมหุ้น ?

นักลงทุนโดยมากจะรู้อยู่แล้วว่า ระหว่างหุ้นพักฐาน นักลงทุนรายใหญ่จะเข้าสะสมหุ้นจนกว่าจะได้จำนวนหุ้นมากตามความพอใจแล้ว ราคาหุ้นจึงจะสามารถวิ่งต่อได้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า หุ้นที่เราดูอยู่มีนักลงทุนรายใหญ่กำลังเก็บสะสมหุ้นเข้าพอร์ตอย่างใจเย็นหรือไม่ ผมอ่านพบคำตอบจากประสบการณ์ลงทุนของ วิชัย วชิรพงศ์ ในบทความ "กูรูหุ้นพันล้าน วิชัย วชิรพงศ์" จากกรุงเทพธุรกิจ คุณวิชัยซึ่งเป็นรายใหญ่คนหนึ่งบอกว่า เมื่อรายใหญ่ต้องการสะสมหุ้น มักจะตั้งเสนอซื้อ (bid) ด้วยปริมาณน้อย ๆ พร้อมกับตั้งเสนอขาย (offer) ในปริมาณมหาศาล การทำแบบนี้นักลงทุนโดยมากจะเข้าใจผิดว่ามีความต้องการขาย (อุปทาน) มาก แต่ความต้องการซื้อ (อุปสงค์) น้อย ราคาหุ้นน่าจะลง และมักจะถอดใจยอมขายหุ้นออกมาที่ราคาเสนอซื้อ รายใหญ่ที่ตั้งซื้อไว้น้อย ๆ ก็ทยอยสะสมหุ้นได้อย่างใจเย็น การสังเกตแบบนี้ควรดูหลาย ๆ วันประกอบกันเพราะการสะสมหุ้นอย่างใจเย็นจะไม่เกิดขึ้นชั่วระยะเวลาสั้น ๆ ผมทดลองสังเกตหุ้น IVL ซึ่งอยู่ระหว่างพักฐานมาระยะหนึ่งแล้วเข้าข่ายที่ว่ามาเลยเก็บหน้าจอปริมาณเสนอซื้อ เสนอขาย จากเว็บ settrade.com มาให้ดูเป็นตัวอย่างครับ

(คลิกภาพเพื่อขยาย)
===========================
เพิ่มเติมข้อมูล วันที่ 30 กันยายน 2553
===========================
ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า ถ้ารายใหญ่ตั้งขายปริมาณมากดักไว้แล้วเกิดมีใครอีกคนอยากซื้อในปริมาณมากขึ้นมา รายใหญ่นั้นมิต้องเสียหุ้นไปหรอกหรือ มันดูขัดกันพิกล ตามความเข้าใจของผม ปรากฏการณ์แบบนี้จะเกิดในช่วงที่รายใหญ่แน่ใจว่า offer ก้อนใหญ่ที่วางขวางเอาไว้จะไม่ถูกคนอื่นข้ามช่องขึ้นมาซื้อ อีกอย่างถ้าเราดู bid-offer ในจอ trading จะเห็นมากกว่าใน settrade คือเห็นด้านละ 3 - 5 ช่อง offer ก้อนใหญ่ที่วางขวางเอาไว้สามารถขยับไปมาได้ หรือบางครั้งเพื่อความปลอดภัย ก็จะวางไว้ที่ช่องสูงขึ้นไปอีกนิดครับ
ช่วงวันที่ 1 -17 กันยายน 2553 หุ้น CK เป็นอีกตัวหนึ่งที่ผมเห็นปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น คือในช่วงดังกล่าว หุ้น CK ถูกประกาศให้อยู่ใน turn over list คือไม่สามารถกู้มาร์จิ้นมาซื้อได้ ช่วงนี้นักลงทุนที่กู้เงินมาซื้อหุ้นจะทำอะไรกับหุ้น CK ไม่ได้เลยเพราะไม่มีเงินสด ดังนั้นจึงเหลือแต่พวกที่ใช้เงินสดซื้อ กับพวกที่จะขายทำกำไร เท่านั้น ด้วยเหตุนี้รายใหญ่จึงไม่กลัวว่าใครจะแทรกขึ้นมากโฉบเอา offer ก้อนใหญ่ของตนไป
ลักษณะการเก็บสะสมหุ้นของรายใหญ่ ในกรณีของ CK เกิดขึ้นอีกในวันที่ 30 กันยายน 2553 ซึ่งเป็นวันที่สองที่ CK พักฐานระยะสั้นหลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นมามาก จากประมาณหุ้นละ 9 บาทต้น ๆ มาเป็น 10 บาทกลาง ๆ แล้วหยุดพักเหนื่อย ภาพข้างล่างเป็นรายการเสนอซื้อและเสนอขาย ในภาพรายใหญ่ตั้งซื้อช่องแรกในปริมาณน้อยมาก แต่ไปตั้งซื้อปริมาณมากในช่องต่ำลงไปตลอดสองสามช่อง ส่วนในด้านการตั้งขาย มีการตั้งขายในปริมาณมหาศาลทุกช่อง ยิ่งช่องสูงยิ่งตั้งขายมาก ผมคิดว่าที่รายใหญ่ทำแบบนี้เพราะแน่ใจว่าในช่วงที่หุ้นพักเหนื่อยระยะสั้นแบบนี้จะไม่มีแรงซื้อปริมาณมากมาโฉบเอาคำเสนอขายที่ดักไว้ไปเป็นแน่


(คลิกที่ภาพเพื่อขยายให้ใหญ่ขึ้น)


ภาพข้างล่างแสดงหลักฐานว่า มีรายใหญ่กำลังเก็บหุ้นจริง ในภาพจะเห็นว่ารายใหญ่คนหนึ่งได้หุ้น CK ไปในราคา 10.60 บาท ด้วยปริมาณ 196,500 หุ้น (เป็นเงิน 2,082,900 บาท)


(คลิกที่ภาพเพื่อขยายให้ใหญ่ขึ้น)


Investors who want to learn how to read market stories from the charts can consult me (Dr. Nimit Chomnawang) at [ m.me/nimit.chomnawang ].

Learn trading by examples at LazyInvestments.com .
Do not trade if you have no plan ! Learn trade planning at [ facebook.com/lazyinvestments ].
ปลูกผักสุขภาพกินเองไม่ยากเลย [ facebook.com/growhealthyveggies ] 

ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน เพิ่มพูนกระแสเงินสด

มูลค่ากิจการ = ส่วนของเจ้าของ + มูลค่าปัจจุบันของ [ส่วนของเจ้าของที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลที่ได้รับระหว่างเป็นเจ้าของกิจการ 10 ปี]
Search for "lazyinvestments" in Facebook and Google !

Thursday, September 16, 2010

รวมข้อคิดการลงทุน จาก วิชัย วชิรพงศ์

(ย่อมาจากบทความ 28 ตอน "กูรูหุ้นพันล้าน...วิชัย วชิรพงศ์" กรุงเทพธุรกิจ 18 เม.ย. 2550 - 26 ต.ค. 2550)
  • เงินนี่มันแปลก เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก แต่จาก 2 เพิ่มเป็น 4 เริ่มง่าย จาก 4 เพิ่มเป็น 8 ยิ่งง่ายกว่า...นี่เรื่องจริง
  • ถ้าในโลกนี้ ใครได้อะไรมาง่ายๆ ก็ยากที่จะรักษาให้มันอยู่กับเราได้อย่างยั่งยืน
  • หุ้นจะเป็นขาขึ้น "ราคา" และ "ปริมาณ" จะต้องเคลื่อนไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน
  • ถ้าเราเลือกหุ้นพี/อี ต่ำ พื้นฐานดี แต่ซื้อแล้วราคาไม่ขึ้น...มีแต่ลง แสดงว่าความคิดของเรา "ผิด" คุณต้องเปลี่ยน "อย่าดันทุรัง"
  • สมัยที่ยังเล่นหุ้นไม่เก่ง วิธีที่ผมใช้...จะลอกข้อสอบคนเก่ง แต่ระหว่างที่เราลอกข้อสอบเขา เราก็ต้องพัฒนาตัวเองตามให้ทัน
  • ในการเล่นหุ้นให้ชนะตลาด เราต้องพายเรือตามน้ำ อย่าพายเรือทวนน้ำ เพราะการ "ฝืนกระแส" จะทำให้เรา "เสี่ยงสูง" ที่จะขาดทุน
  • จากประสบการณ์ 20 ปี จะซื้อหุ้นให้ได้กำไร เราต้องกล้าไปจ่ายตลาด "ตอนประมาณ ตี 5" หรือ อีก 1 ชั่วโมงฟ้าจะสว่าง...ผีไม่มี
  • วิธีการเอาตัวรอด ในช่วงที่ต้องเผชิญกับ "วิกฤตการณ์" ทางเดียวที่จะทำให้เรา "รอด" คือ การตัดนิ้ว (Cut Loss) ยอมขาดทุนรักษาชีวิต
  • ความลับของเงิน จะเติบโตก็เฉพาะกับคนที่รู้จักใช้มัน เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม
  • การเล่นหุ้นเพื่อหวังกำไร 3-5% เป็นการลงทุนที่มีโอกาส "ร่ำรวย" ได้ยาก!!! เพราะการตัดสินใจซื้อ-ขายบ่อย โอกาสผิดพลาดจะสูง
  • คำศัพท์ของนักเล่นหุ้น เขาบอกว่า "ลูกยังเล็กอยู่" เราจะพลาดไม่ได้ หมายความว่าหุ้นตัวนี้ "อันตราย" เราต้อง Cut Loss ทิ้ง
  • ในจังหวะที่หุ้นเป็นขาขึ้น เราต้อง Let the Profit Run ปล่อยให้กำไรวิ่งเต็มสตีม เมื่อไรที่ราคาเริ่มปรับฐานลงมา พร้อมวอลุ่ม เราต้องรีบล้างพอร์ตออกไป
  • ท่องเอาไว้เลย "วอลุ่มพีค" คือ "ราคาพีค" และ ถ้าหุ้นปรับฐานแล้ว "รีบาวด์" แต่ไม่ทำ "นิวไฮ" ใหม่..."มันต้องลง
  • ถ้าหุ้นเป็น "ขาลง" แล้ว "วอลุ่มหาย" นี่เป็นตามธรรมชาติ แต่ถ้าหุ้นเป็น "ขาขึ้น" แล้ว "วอลุ่มหาย" นี่มันผิดกฎธรรมชาติ ให้สงสัยไว้ก่อนว่า "มันกำลังจะวิ่ง"
  • นิสัยผมถ้าอะไรที่ไม่แน่ใจเต็มร้อย ผมจะเข้าไปลงทุนด้วยเงินก้อนน้อย ๆ ก่อน ยิ่งถ้าเป็นหุ้นเก็งกำไร จะเล่นเป็นรอบ จะไม่ทุ่มสุดตัว และไม่ถือยาว
  • คำว่า "ข่าวลือ" คุณต้องแอบพูดในที่ "ลับ" ถ้ามากระจายให้มหาชนรับรู้...มาบอกนักข่าว แสดงว่า "จบรอบ" แล้ว...คุณต้องทิ้ง
  • ถ้าจะเล่น "หุ้นปั่น" เราต้องซื้อน้อยๆ เกาะตู้เย็น หาค่ากับข้าวได้ แต่อย่าไปเล่นแรง อย่าไปทุ่ม เดี๋ยวเจ้ามือมันจะโยนหุ้นใส่เรา
  • กรณีที่หุ้นจะปรับตัว "ลงแรง" วอลุ่มมักจะทำ "พีค" ก่อน ให้สังเกตว่า รายย่อยจะแห่เข้าใส่ แบบไม่ลืมหูลืมตา เวลาที่หุ้นปรับตัว มันจะ "ลงลึก"
  • ในช่วงของการสะสมหุ้น ถ้าเป็น "หุ้นดี" ให้สังเกตฝั่ง Bid จะน้อย แต่ฝั่ง Offer จะเยอะ ภาวะอย่างนี้ คือ ช่วงที่ดัชนี SET ประมาณ ตี 4 ตี 5 คนยังเล่นหุ้นไม่เต็มตัว เขาจะรอรับ แต่ไม่ไล่ราคา
  • "เฮียประธาน" เขาเป็นเจ้าของคอร์ทแบดมินตัน อยู่แถวถนนบางรัก ฉายาเขา คือ "พญาอินทรี" ถ้าวันไหนที่พวกเรา "เละ" หรือ "เจ๊ง" กันหมด เขาจะบินมาเลย...เขาจะมาซื้อหุ้น
  • การอ่านอารมณ์ตลาด ถ้า "รายย่อย" สงบเสงี่ยมเจียมตัว "ฝรั่ง" ไม่เข้า บอกได้เลยว่า เล่นหุ้นไม่ได้ตังค์ ถ้าจะเล่นหุ้นได้กำไร รายย่อยต้องมีจุดมั่นใจ นักเก็งกำไรแห่กันเข้ามาเล่นตามน้ำ ตลาดแบบนี้ "ได้ตังค์"
  • ถ้าเราเทรดหุ้นทุกวัน สมองมันไม่มีจุดคิด การตัดสินใจบ่อยมันพลาดได้ง่าย คุณต้องรอจังหวะ รอให้เครื่องมือทางเทคนิคยืนยัน แล้วทุกคนเริ่มกลัวกันหมด ตรงนั้น คือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด ซื้อเสร็จก็ใส่ปี๊บเอาไว้
  • ถ้าคิดจะ "สร้างราคาหุ้น" แล้วไม่ให้วงแตก มือทำหุ้นที่เป็นมืออาชีพ เขาจะบอกเจ้าของหุ้นว่า คุณต้องโอนหุ้นมาให้ก่อน แล้วต้องเอาเงินมาให้ด้วย...ล้านเปอร์เซ็นต์เลย ถึงจะสำเร็จ !!!
  • พูดตรงๆ ผมเคยเล่นหุ้นปั่น วันที่ผมขายหมด บางคนไม่ได้ขาย ผมเสียเพื่อนไปก็หลายคน เสียน้องไปก็หลายคน สุดท้ายมันไม่ได้อะไรขึ้นมา มันไม่คุ้มหรอก...เชื่อผมสิ!!!
  • วิธีการลงทุนแบบ "แวลู อินเวสเตอร์" ส่วนตัวมองว่า "มันเสี่ยง" บางทีหุ้นลงก็ต้องถือ เพราะคุณคิดว่าพื้นฐานมันไม่เปลี่ยน เดี๋ยวมันก็ต้องกลับมา แต่เมื่อไรล่ะ!! ถ้าคุณไม่ Cut Loss ตอนหุ้นลง มันเสียโอกาส
  • ลักษณะตลาดหุ้นที่แกว่งตัวออกด้านข้าง และไม่มีข่าวดีอะไรใหม่ๆ เข้ามาในตลาด คนที่เล่นหุ้นแล้วได้ตังค์ ต้อง "เล่นรอบ" คือ เล่นหุ้นแบบ "ปิงปอง" จะได้เปรียบ แต่อย่าไปทุ่มเทอะไรกับมันมาก
  • วอร์แรนท์ที่ราคาแปลงสภาพ "ต่ำกว่าหุ้นแม่" ยิ่งเหลืออายุน้อย เจ้ามือยิ่งกดรายย่อยให้ปล่อยหุ้นออกมา เพราะเขารู้ว่าไม่มีเงินไปแปลงสภาพแน่ เขาก็บีบซื้อราคาถูกเอาไปแปลงสภาพเอง
  • อย่าตามหลังมวลชน
  • จุดที่มั่นใจที่สุด คือ จุดที่อันตรายที่สุด
  • จุดที่อันตรายที่สุด คือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด นั่นคือ ประมาณ "ตี 5" ถึง "ตี 5 ครึ่ง" (ก่อนฟ้าสาง)
  • อย่าคิดคนเดียว อย่าตอบคำถามคนเดียว อย่าเล่นหุ้นคนเดียว
  • คนเล่นหุ้นให้ชนะ ต้องเลิกนิสัย "ถามเอง-ตอบเอง-เออเอง" สุดท้าย "เจ๊งลูกเดียว"

Short URL =  http://bit.ly/1iJHJy2

บริการกราฟหุ้นตามสั่ง คลิก! ]


==============================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน เพิ่มพูนกระแสเงินสด

มูลค่ากิจการ = ส่วนของเจ้าของ + มูลค่าปัจจุบันของ [ส่วนของเจ้าของที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลที่ได้รับระหว่างเป็นเจ้าของกิจการ 10 ปี]

ค้นหาในกูเกิล "ลงทุนหุ้นไทย thstockinvest"