Tuesday, April 24, 2012

ระหว่างรอผลประกอบการ 2012Q1 มาแวะดู Big Picture ของดัชนี SET กันก่อน


          ผมทบทวนภาพใหญ่ของดัชนี SET โดยใช้ช่องแนวโน้มขาขึ้นที่ได้ปรับเปลี่ยนมาแล้วระยะหนึ่งในโพสต์ก่อน ๆ ซึ่งผมได้แบ่งช่องแนวโน้มขาขึ้นของดัชนี SET ออกเป็นชั้น ๆ แต่ละช่องแนวโน้มมีแกนกลางร่วมกันคือ เส้นประสีดำ เมื่อเรียงช่องแนวโน้มดัชนีจากด้านใน ไปหาด้านนอก จะมีลำดับคือ ช่องเส้นประสีชมพู ช่องเส้นประสีเขียว ช่องเส้นประสีแดง ช่องเส้นประสีน้ำเงิน ดังภาพข้างล่าง ในกราฟจะสังเกตได้ว่า ระหว่างเกิดวิกฤติซับไพรม์ ดัชนี SET ได้เบี่ยงออกจากแกนเส้นแกนกลางสีดำลงไปถึงขอบล่างของช่องแนวโน้มสีน้ำเงิน แล้วฟื้นตัวกลับมาอยู่ในช่องแนวโน้มสีชมพูอีกครั้งเมื่อกลางปี 2010 นับแต่นั้นมา ดัชนี SET ก็เด้งขึ้นลงในระหว่างเส้นแกนกลางสีดำกับขอบบนของช่องแนวโน้มสีชมพู โดยมีความพยายามจะฝ่าออกจากช่องสีชมพูนี้ถึงสามครั้ง ในครั้งที่สามดัชนีทะลุช่องสีชมพูออกไปได้เพียงเล็กน้อยก็ชนกับระดับแนวต้านใหญ่เส้นทึบสีชมพูซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของดัชนีเมื่อต้นปี 1995 ที่ระดับประมาณ 1,550 จุด แต่ผ่านขึ้นไปไม่ได้ จึงปรับตัวลงอย่างรวดเร็วลงมายับยั้งอยู่ที่ เส้นประสีชมพูขอบล่างเมื่อเดือนตุลาคม 2010 แล้ววิ่งย้อนกลับขึ้นมาทดสอบขอบบนของช่องแนวโน้ม และทดสอบแนวต้านปี 1995 อีกครั้ง คราวนี้สามารถทะลุจุดตัดระหว่างเส้นขอบบนของช่องแนวโน้มสีชมพูกับเส้นแนวต้านปี 1995 (จุดสีชมพู) ขึ้นไปได้ จนดัชนีไปทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 16-17 ปี ที่บริเวณ 1,220 จุด จึงได้พักเหนื่อยเอาแรงโดยการย้อนลงมาแตะเส้นสีชมพูอีกครั้ง ทำให้ในปัจจุบัน ดัชนี SET กำลังอยู่ระหว่างเส้นประสีชมพูและเส้นประสีเขียว และน่าจะประคองตัวอยู่ในช่องนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนแนวต้านสำคัญถัดขึ้นไปที่บริเวณแนวตัดระหว่างเส้นขอบบนของช่องแนวโน้มสีเขียวและเส้นแนวต้านช่วงกลางปี 1996 (จุดสีเขียว) ที่ระดับประมาณ 1,275 จุด 

2012-04-23 SET in a big picture

      เมื่อย้อนกลับไปดูการพักปรับฐานใหญ่ของดัชนี SET เมื่อกลางปี 1999 และต้นปี 2004 จะพบว่า ทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากที่ดัชนี SET ขึ้นไปแตะเส้นขอบบนของช่องแนวโน้มสีเขียว แต่ไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ ดังนั้นที่บริเวณจุดสีเขียวในภาพ จะเป็นการทดสอบแนวต้านสำคัญนี้อีกเป็นครั้งที่สาม หากไม่สามารถผ่านจุดเขียวไปได้ SET ก็น่าจะพักปรับฐานลงมาที่เส้นแนวนอนสีชมพูเพื่อเอาแรงก่อน แต่หากสามารถผ่านไปได้ จุดแนวต้านสำคัญถัดไปน่าจะอยู่ที่บริเวณจุดสีแดง บริเวณประมาณ 1,425 จุด หากไม่สามารถผ่านจุดสีแดงไปได้ ดัชนี SET ก็น่าจะพักปรับฐานลงมาที่เส้นแนวนอนสีเขียว หรือเส้นแนวนอนสีชมพูอีกครั้งครับ 
     มาถึงตรงนี้ ผมได้รับใช้เพื่อนนักลงทุนโดยการฉายภาพความเป็นมาในอดีตของดัชนี SET และความเป็นไปที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งส่วนที่เป็นอนาคตนั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นตามที่ผมจินตนาการไว้ก็เป็นได้นะครับ ในมุมมองส่วนตัวของผมแล้ว ถ้าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้จริงในระยะยาวแล้ว ดัชนี SET จะต้องผ่านจุดสีเขียวขึ้นไปก่อนเพื่อเปลี่ยนแกนกลางของช่องแนวโน้มจากเส้นประสีดำไปเป็นเส้นประสีเขียว จากนั้นในระยะยาวขึ้นไปอีก ดัชนี SET จะต้องผ่านเส้นขอบบนของช่องแนวโน้มสีน้ำเงินออกไปให้ได้ครับ


===================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา" ที่
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา "ชำแหละพื้นฐานหุ้น "

เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญในกราฟหุ้น IVL รายสัปดาห์

     ผมทบทวนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น IVL ในกราฟรายสัปดาห์ พบว่า เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ซึ่งมีบทบาทสำคัญได้แก่ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 25 สัปดาห์ (SMA25W) เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 สัปดาห์ (SMA50W) และ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 75 สัปดาห์ (SMA75W) ดังภาพข้างล่าง ต่อไปผมขอเล่าความเป็นไปของราคาหุ้น IVL รายสัปดาห์นับตั้งแต่การทำยอดสูงสุดตลอดกาลที่ประมาณ 62 บาทเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2010 เป็นต้นมานะครับ

2012-04-24 Important moving average lines in IVL weekly chart

     หลังจากการทำยอดสูงสุดดังกล่าวแล้ว ราคาหุ้น IVL ได้ปรับฐานลงมาอย่างรวดเร็ว จนมายับยั้งอยู่ที่เส้น SMA25W สีเหลือง แล้วฟื้นตัวตามเส้นนี้ขึ้นไปอยู่เหนือราคา 50 บาท ต่อมาการฟื้นตัวเริ่มอ่อนแรงลงจนพลิกกลับมาอยู่ใต้เส้น SMA25W แล้วเิดินออกข้างใต้เส้น SMA25W ไปจนชนเส้น SMA50W สีน้ำเงิน และหลุดจากเส้นนี้อย่างง่ายดาย บริเวณ 45 บาท เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2011 (ลูกศรชี้สีม่วง) ราคาหุ้นร่วงต่อไปอีกจนชนเส้น SMA75W สีแดง แต่ก็หลุดผ่านลงมาอย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน บริเวณ 38 บาท เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2011 จากนั้นจึงดิ่งลงไปจนทำจุดต่ำสุดประมาณ 24 บาท เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2011
     หลังจากทำจุดต่ำสุดแล้ว ราคาหุ้น IVL ได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ขึ้นไปจนเกือบชนเส้น SMAW75 ซึ่งเป็นเส้นที่อยู่ใกล้ที่สุดในบรรดาเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งสาม ที่บริเวณ 38 บาท (ลูกศรชี้สีชมพู) จากนั้นจึงถอยร่นกลับลงมาพักที่บริเวณ 30 บาท แล้วเดินออกข้างไปจนกระทั่งชนกับเส้น SMA25W ที่ได้ตัดผ่านเส้น SMA50W และ SMA75W ลงมาแล้ว จุดนี้เองเป็นบริเวณที่ราคาหุ้น IVL พักจนมีกำลังมากพอแล้วจึงพุ่งขึ้นไปจนชนกับเส้น SMA50W และ SMA70W ซึ่งมาบรรจบกันพอดีที่บริเวณ 40 บาท เนื่องจากการบรรจบกันของแนวต้านทั้งสองเส้นคือ SMA50W และ SMA70W แนวต้านในบริเวณนี้จึงมากทวีคูณ ราคาหุ้น IVL จึงไม่สามารถผ่านระดับนี้ขึ้นไปได้ (ลูกศรชี้สีชมพู) แต่ก็ได้พยายามฝืนจะผ่านขึ้นไปโดยค่อย ๆ เคลื่อนตามเส้น SMA50W สีน้ำเงินลงมาทีละนิด จนกระทั่งเส้น SMA50W ได้โน้มลงมาเกือบจะบรรจบกับเส้น SMA25W สีเหลืองจึงได้ถอดใจตกลงมานอนอยู่บนเส้น SMA25W บริเวณ 35 บาทอยู่ในขณะนี้ (ลูกศรชี้สีชมพู) 
     สิ่งที่เพื่อนนักลงทุนควรติดตามดูต่อไปคือดูว่า ราคาหุ้น IVL จะสามารถยืนอยู่เหนือเส้น SMA25W สีเหลือง และผ่านเส้น SMA50W สีน้ำเงิน ซึ่งอยู่เหนือขึ้นไปเพียงเล็กน้อย ได้หรือไม่ ถ้าไ้ด้ก็จะไต่ขึ้นไปชนกับเส้น SMA75W สีแดง อีกเป็นครั้งที่สาม แต่คราวนี้จะเป็นการการชนระยะกระชั้นชิด ไม่ใช่การวิ่งมาจากที่ไกลแล้วชน จึงมีโอกาสผ่านขึ้นไปได้มากกว่าสองครั้งก่อนหน้าครับ  ถ้าผ่าน SMA75W ขึ้นไปได้ จะพบว่า ข้างบนไม่มีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ซึ่งจะเป็นอุปสรรคของราคาหุ้นอีกต่อไป จะเหลือก็แต่ระดับราคาหุ้นที่เป็นจุดสูงสุดเดิมเช่น 50 บาท 55 บาท และ 60 บาทเท่านั้น ซึ่งก็ต้องไปติดตามต่อไปเมื่อราคาหุ้นเคลื่อนเข้าใกล้บริเวณดังกล่าวครับ
     เพื่อนนักลงทุนที่ต้องการติดตามความเป็นไปของราคาหุ้น IVL ที่เกี่ยวพันกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญทั้งสามเส้นดังกล่าวสามารถดูกราฟได้ผ่านหน้า blog ที่ผมทำเอาไว้ [ที่นี่] โดยคลิกที่ "กราฟหุ้นรายสัปดาห์ 2 ปี" เปลี่ยน symbol หุ้นเป็น TH:IVL ที่มุมซ้ายบนของจอแล้วกดปุ่ม DRAW CHART ครับ

===================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

Saturday, April 21, 2012

ศุกร์ที่ 20 เม.ย. 2012 ต่างชาติช้อนหุ้น IVL ไปได้ 2.46 ล้านหุ้น


สิ้นวันศุกร์ที่ 20 เมษายน 2012 นักลงทุนต่างชาติในบัญชี NVDR ช้อนซื้อหุ้น IVL ไว้ได้ 2.46 ล้านหุ้น หลังจากเตะถ่วงกดราคาหุ้นเอาไว้ด้วยการทยอยขายออกมารวมทั้งสิ้น 0.84 ล้านหุ้นตลอดสามวันก่อนหน้า เส้นกราฟสีน้ำเงินในรูปข้างล่าง แสดงปริมาณหุ้น IVL ในมือของต่างชาติ NVDR ที่มีการขายออกประมาณ 40 ล้านหุ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2012 เพื่อทำการพักปรับฐาน นับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2012 เป็นต้นมา ต่างชาติได้ทยอยเก็บหุ้น IVL ไว้ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนตีตื้นขึ้นมาได้ประมาณครึ่งทางของที่ขายออกไปในช่วงก่อนหน้า จนกราฟปริมาณหุ้น IVL ในมือของต่างชาติ NVDR ได้ฟอร์มเป็นสามเหลี่ยมรูปธง โดยที่ปริมาณหุ้นได้สะสมขึ้นมาจนปริ่มจะทะลุเส้นแนวโน้มขาลงแล้วในขณะนี้ (ภายในวงกลมสีฟ้า) 

สำหรับราคาหุ้นนั้นขณะนี้ได้เกิดแนวโน้มขาขึ้นใหม่ขึ้นดังเส้นสีแดงเฉียงขึ้นทางขวาที่ด้านล่างของกราฟ เกิดเป็นสามเหลี่ยมรูปธงสีแดงกรอบใหญ่ขึ้นมา และราคาหุ้นจะหลุดออกจากกรอบสามเหลี่ยมใหญ่นี้ขึ้นไปได้ ถ้าสามารถฟื้นกลับขึ้นไปยืนบริเวณ 37 บาทได้ครับ จะเห็นได้ว่า นักลงทุนต่างชาติ มีอิทธิพลค่อนข้างมากในการกำหนดความเป็นไปของหุ้นให้เขาได้ประโยชน์สูงสุดเสมอครับ

2012-04-20 Foreign holdings of IVL

===================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา" ที่
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา "ชำแหละพื้นฐานหุ้น "

Friday, April 20, 2012

ทางลัดดูข้อมูลและกราฟหุ้น แบบรวดเร็วทันใจ


ผมทำทางลัดเข้าดูกราฟหุ้น แบบรวดเร็วทันใจครับ เพียงบุ๊คมาร์คหน้านี้ไว้ เลือกกดลิงค์ดูกราฟที่ต้องการครับ ในลิงค์ที่ผมตั้งไว้เป็นกราฟหุ้น BBL สำหรับกราฟของหุ้นตัวอื่น ๆ ให้เปลี่ยน symbol จาก th:bbl เป็นตัวอื่นเช่น th:ptt หรือ th:ivl เป็นต้น (อยู่มุมซ้ายบนของจอ) แล้วกดปุ่ม DRAW CHART ครับ สำหรับกราฟดัชนี SET ให้เปลี่ยน symbol จาก th:bbl เป็น th:set แล้วกดปุ่ม DRAW CHART ครับ 

นอกจากนี้ยังมีทางลัดไปดูข้อมูลคร่าว ๆ ของหุ้น เช่น ราคาหุ้น ปัจจัยพื้นฐานสำคัญ ในปัจจุบัน ผมตั้งค่าไว้ให้แสดงข้อมูลของหุ้น IVL สำหรับข้อมูลหุ้นตัวอื่น ๆ ให้กรอก symbol หุ้น เช่น PTT ลงในช่อง ค้นหาข้อมูลหลักทรัพย์ ที่มุมขวาบนของจอ แล้วกดปุ่ม GO ครับ
สุดท้ายทางลัดไปดูข้อมูลระดับดัชนีหุ้นในปัจจุบัน คลิกที่นี่ครับ

===================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา" ที่
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา "ชำแหละพื้นฐานหุ้น "

Monday, April 16, 2012

การตกของราคาหุ้น IVL ในระยะนี้ ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของรูปกราฟแบบ reverse head and shoulders


ก่อนวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ราคาหุ้น IVL ได้หลุดกรอบสามเหลี่ยมรูปธงที่ยืนมาได้เกือบสองเดือนลงมา และได้ลดลงอย่างรวดเร็วจนเกือบจะแตะเส้นขอบล่างของช่องแนวโน้มราคาแล้ว เมื่อดูกราฟหุ้นรายวัน ผมสังเกตเห็นว่า รูปกราฟหุ้น IVL ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมามีลักษณะคล้ายกับรูปแบบ "reverse head and shoulders" หรือแบบหัวและไหล่กลับด้าน ดังแนวร่างเส้นประสีชมพูในภาพข้างล่าง ดังนั้นการปรับตัวลงของราคาหุ้น IVL ในระยะนี้จึงเป็นการเพิ่มความเป็นไปได้ที่การฟอร์มตัวเป็นรูปหัวและไหล่กลับด้านจะเป็นไปอย่างครบสมบูรณ์มากขึ้น ในตอนนี้เรามีไหล่ซ้าย และหัว ครบสมบูรณ์แล้ว ส่วนไหล่ขวา ก็สร้างมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว รอเพียงการฟื้นตัวของราคาหุ้นกลับไปที่ระดับ 40 บาทอีกครั้งหนึ่งก็จะได้ไหล่ขวาครบสมบูรณ์  ผมลองลากเส้นเชื่อมจุดรอยต่อระหว่างหัวและไหล่ทั้งสองข้าง (จุดคอ) แล้ววัดระยะแนวดิ่งจากเส้นนี้ไปถึงจุดต่ำสุดของกราฟ แล้วเอาความยาวดังกล่าวไปต่อที่บริเวณซึ่งคาดว่าการฟอร์มตัวของไหล่ขวาจะเสร็จสมบูรณ์ ในภาพผมคาดว่าจะเกิดแถว ๆ ราคา 40 บาท ดังนั้นถ้ารูปกราฟเป็นแบบ reverse head and shoulders ครบถ้วนพร้อม ๆ กันกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ๆ มีโอกาสสูงมากที่ราคาหุ้นจะปรับขึ้นไปเกิน 60 บาทครับ แต่ถ้าปริมาณซื้อขายไม่เพิ่มขึ้นพร้อม ๆ การฟอร์มตัวครบสมบูรณ์ โอกาสที่ราคาจะไปเกิน 60 บาทก็จะน้อยลงไปครับ สำหรับวงกลมเส้นประสีชมพูที่ด้านล่างขวาของภาพ แสดงให้เห็นว่าเกิดการขายมากเกินไปขึ้นแล้วครับ


===================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

ถึงเวลาปรับช่องแนวโน้มราคาหุ้น IVL ใหม่


ผมได้ติดตามการฟื้นตัวของราคาหุ้น IVL มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2011 ในการฟื้นตัวนี้ ราคาหุ้น IVL ได้ทำการแรลลี่ย่อยมาแล้วสองครั้ง แต่ละครั้งตามมาด้วยการพักปรับฐาน ในการติดตามดังกล่าวผมลากเส้นประเชื่อมต่อจุดต่ำสุดของราคาหุ้นในกราฟรายสัปดาห์ แล้วสร้างเส้นประที่ขนานกันอีกเส้นหนึ่งไปวางไว้ที่จุดสูงสุดของการแรลลี่ย่อยครั้งแรก เกิดเป็นช่องแนวโน้มราคาขึ้น ดังช่องแนวโน้มที่เป็นเส้นประในรูปข้างล่าง สำหรับการพักปรับฐานครั้งที่สองซึ่งเป็นรอบปัจจุบันได้ดำเนินมาแล้วสองเดือน โดยที่ราคาหุ้นสามารถยืนอยู่เหนือแนวรับเส้นสีชมพูเส้นบน (จุดสูงสุดของการแรลลี่ย่อยครั้งที่แล้ว) มาได้ตลอดเดือนครึ่ง แต่สุดท้ายเมื่อ moment of truth มาถึงก็ได้หลุดแนวรับดังกล่าวลงมาชนเส้นประเส้นเส้นล่างเมื่อสองสัปดาห์ก่อน และหลุดออกจากช่องแนวโน้มเส้นประลงมาอยู่ที่ระดับก่อนเกิดการแรลลี่ครั้งที่สอง เมื่อสิ้นสัปดาห์ที่แล้ว (เส้นสีชมพูเส้นล่าง) จากเหตุการณ์ที่เป็นไปดังนี้ แสดงว่าช่องแนวโน้มราคาที่เป็นเส้นประดังกล่าว ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกต่อไป จึงจำเป็นต้องปรับแนวการตีเส้นช่องแนวโน้มราคากันใหม่ เนื่องจากการแรลลี่ย่อยทั้งสองครั้งได้สร้างจุดสูงสุดขึ้นมาสองครั้ง ดังนั้นต่อไปนี้ผมจะใช้เส้นที่ลากเชื่อมจุดทั้งสองเป็นเส้นขอบบนของช่องแนวโน้มราคาอันใหม่ ซึ่งมีความชันน้อยกว่าเส้นประเดิมเล็กน้อย สำหรับเส้นขอบล่างของช่องแนวโน้มราคาใหม่ ก็คือเส้นที่ขนานกับเส้นขอบบนที่แตะจุดต่ำสุดของการแรลลี่ครั้งแรกนั่นเอง เกิดเป็นช่องแนวโน้มราคาใหม่ สีเขียวดังในรูปข้างล่าง เมื่อได้ช่องแนวโน้มราคาอันใหม่แล้ว ผมลากเส้นสีดำที่ขนานกันกับช่องแนวโน้มราคาใหม่อีกหลายเส้น พบว่า เส้นขนานสีดำเหล่านี้แตะจุดต่ำสุดและสูงสุดของกราฟราคาหุ้นในอดีตได้ดีพอสมควร แสดงว่าช่องแนวโน้มราคาใหม่สีเขียวเป็นช่องราคาที่น่าจะใช้ได้ดีทีเดียว จากกราฟข้างล่างจะเห็นได้ว่า การปิดตัวของราคาหุ้น IVL ก่อนวันหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ที่จุดต่ำสุดของสัปดาห์ 33.50 บาท นั้นเกือบจะแตะขอบล่างของเส้นแนวโน้มราคาใหม่สีเขียวแล้ว ทำให้ในระยะต่อไปมีโอกาสมากที่ราคาหุ้นจะเด้งกลับขึ้นไป หรือไม่ก็ไถลขึ้นไปตามความชันของเส้นขอบล่างสีเขียวครับ

2012-04-16 Time to adjust price channels of IVL
ทำนองเดียวกันกับการสร้างแนวโน้มราคาใหม่ในกราฟราคาหุ้นรายสัปดาห์ ผมลากเส้นเชื่อมต่อจุดสูงสุดของการแรลลี่ย่อยสองครั้งที่ผ่านมา ในกราฟรายเดือนดังภาพข้างล่าง จากนั้นจึงลากเส้นอีกหลายเส้นขนานไปกับเส้นเชื่อมจุดสูงสุดของการแรลลี่ดังกล่าว ได้เป็นช่องแนวโน้มราคาออกมาหลายช่อง การลากผ่านจุดต่ำสุด และสูงสุดของราคาหุ้นแสดงความเหมาะสมของความชันของช่องแนวโน้มราคาได้เป็นอย่างดี เมื่อพิจารณาช่องแนวโน้มราคาล่างสุดที่ราคาหุ้นดำเนินอยู่ในปัจจุบันจะเห็นว่า การแรลลี่และการปรับพักฐานย่อยในช่องแนวโน้มราคาปัจจุบัน เป็นไปอย่างปกติ ไม่น่าตื่นตระหนกตกใจแต่ประการใด เว้นเสียแต่ว่าราคาหุ้นจะหลุดลงไปอยู่ต่ำกว่าเส้นล่างสุดในภาพข้างล่าง ถ้าหลุดลงไปอย่างนั้นล่ะก็ ผมว่าเรื่องคงถึงครูอังคณาแน่ครับ




===================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

Sunday, April 15, 2012

ข้อมูลการลงทุนฟรีที่ห้องสมุดมารวย สุดยอดวิสัยทัศน์ผู้บริหาร ตลท.

ผมเคยโพสต์เกี่ยวกับการติดตามสถานการณ์การลงทุนในหุ้นไทยว่า ตลาดไทยเป็นตลาดที่เล็กมาก ความเป็นไปของหุ้นบ้านเราจึงถูกกำหนดทิศทางโดยนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก ดังนั้นการเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ข้อนี้ผมเพิ่งเห็นความสำคัญแบบจริงจังเมื่อไม่นานมานี้ และแม้ว่าข้อมูลการซื้อขายของต่างชาติจะมีให้บริการผ่านโบรกเกอร์บางแห่งและผ่านบริการข้อมูล SET Smart ของตลาดหลักทรัพย์ แต่ข้อมูลเหล่านี้ก็สามารถย้อนหลังไปได้เพียง 3 - 5 ปี เท่านั้น แถมยังต้องเสียค่าบริการเป็นหลักหมื่นบาทต่อปีอีกด้วย ด้วยข้อจำกัดดังกล่าวทำให้ผมเริ่มเก็บข้อมูลด้วยตนเองเป็นกิจวัตรประจำ ดังที่ได้โพสต์แชร์ข้อมูลการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติทุก ๆ สิ้นวันทำการของตลาดมาได้ระยะหนึ่งแล้ว พร้อม ๆ กันนี้ ผมได้สืบค้นข้อมูลย้อนหลังผ่านทางกูเกิล เพื่อเก็บข้อมูลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ผมสามารถสืบค้นข้อมูลย้อนหลังไปทีละวันจนถึงปลายปี 2006 จากจุดนั้นไปจะหาข้อมูลได้ยากมากขึ้นตามลำดับ จนไม่สามารถย้อนหลังไปได้อีก เนื่องจากการแพร่ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตยังไม่เป็นที่สะดวกรวดเร็วอย่างในทุกวันนี้นั่นเอง ระหว่างการสืบค้นนี้ ผมได้พบว่า การเก็บข้อมูลด้วยตนเองมีประโยชน์อย่างมาก คือทำให้เราได้ทราบบรรยากาศการลงทุน ในขณะเวลานั้น ๆ ไปด้วยโดยอัตโนมัติ ได้ข้อคิดและประสบการณ์เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว การสืบค้นของผมไปหยุดลงแถว ๆ บริเวณการปฏิวัติ คมช. ปลายปี 2006 เพราะไม่มีข้อมูลในอินเทอร์เน็ตที่เก่ากว่านั้น ข้อมูลที่ผมเก็บเป็นประจำทุกวันทำการของตลาดและย้อนหลังไปน้ันได้แก่ ระดับปิดของดัชนี SET และปริมาณการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ดังตัวอย่างในกราฟข้างล่าง ข้อมูลดังกล่าวครอบคลุมกรอบเวลาเพียงแค่การฟื้นตัวจากวิกฤติซับไพรม์เท่านั้น การใช้ประโยชน์ในการศึกษาความเคลื่อนไหวของทุนต่างชาติจึงจำกัดไปด้วย

2012-02-28 SET v.s. foreign holdings in recent two years

ไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมศูนย์สารสนเทศและความรู้มารวย (ห้องสมุดมารวย) ที่ชั้น 1 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ติดกับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS จากสถานีพญาไท ไปลงสถานีอโศก แล้วต่อรถไฟใต้ดิน MRT ที่สถานีสุขุมวิท (หรือสถานีอโศกของ BTS) ไปอีกสถานีเดียวลงที่สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผมไม่ได้จับเวลาการเดินทาง แต่คิดว่าใช้เวลาไม่น่าเกิน 20 นาที พอไปถึงถาม รปภ. หน้าตึกว่าห้องสมุดอยู่ไหน ปรากฏว่า อยู่หลังที่ รปภ. ยืนอยู่นั่นเอง เมื่อเข้าไปภายใน ผมตรงเข้าไปปรึกษาบรรณารักษ์ ว่าผมต้องการสืบค้นข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติย้อนหลังไปไกลกว่าปี 2006 ก็ได้รับคำแนะนำเป็นอย่างดี ว่า ข้อมูลที่ผมหา มีให้บริการสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์ภายในห้องสมุด ที่มีอยู่ประมาณ 30 เครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์และเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการลงทุนเท่านั้น และไม่สามารถบันทึกข้อมูลลงดิสก์หรือส่งข้อมูลออกผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ ส่วนข้อมูลที่ผมต้องการนั้นสามารถสืบค้นย้อนหลังไปได้เท่าที่ตลาดหลักทรัพย์มีข้อมูลอยู่โดยไม่มีข้อจำกัดย้อนหลัง 3 - 5 ปี เหมือนการซื้อบริการข้อมูลผ่าน SET Smart หรือผ่านโบรกเกอร์ (โบรกเกอร์ซื้อข้อมูลมาจากตลาดหลักทรัพย์อีกต่อหนึ่ง) การใช้บริการก็เพียงแค่นำบัตรประชาชนยื่นให้บรรณารักษ์เพื่อออก รหัสผ่าน แล้วเซ็นชื่อใช้บริการ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ รหัสผ่าน 1 ใบ ใช้บริการได้ 3 ชั่วโมง เมื่อหมดแล้วก็ไปเซ็นชื่อขอใบใหม่ได้อีกทุก 3 ชั่วโมง สิ่งที่ต้องเตรียมไปก็คือ กระดาษและปากกา เมื่อได้รหัสผ่านแล้วก็ไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งใน 30 เครื่องซึ่งกระจายอยู่ตามมุมต่าง ๆ ในห้องสมุดทั้งสองชั้นครับ ผมใช้เวลา 6 ชั่วโมงในวันนั้นเพื่อจด จด แล้วก็จด ข้อมูลที่หาไม่ได้ที่ไหนแล้วนอกจากที่นี่ แต่ก็สามารถย้อนหลังไปได้ถึงเพียงปลายปี 2005 ทำให้ต้องใช้เวลาอีก 6 ชั่วโมง ในวันต่อมาเพื่อย้อนไปถึงปลายปี 2003 เมื่อผมนำข้อมูลปริมาณหุ้นในมือนักลงทุนต่างชาติ กับระดับดัชนี SET มาวาดกราฟ ก็ได้ออกมาดังภาพข้างล่างครับ 


ภาพที่ออกมาทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนจากเส้นกราฟสีน้ำเงินว่า ปริมาณเงินทุนไหลเข้ารอบปัจจุบันเมื่อเทียบกับการไหลเข้าเมื่อกลางปี 2004 (หลังวิกฤติไข้หวัดนกครั้งแรกในประเทศไทย) แล้ว เรียกว่า เด็ก ๆ ไปเลย กล่าวคือ การไหลเข้าครั้งที่แล้วมีปริมาณรวมถึง สี่แสนล้านบาท ส่วนในรอบปัจจุบันเพิ่งเข้ามาได้เพียงประมาณสองแสนล้านบาทเท่านั้นครับ ทีนี้เราลองมาดูเฉพาะการเปลี่ยนแปลงปริมาณหุ้นในมือนักลงทุนต่างชาติเป็นรายวันว่าจะเห็นอะไรเพิ่มเติมบ้าง ผลการวาดกราฟที่ผมได้มาจากห้องสมุดมารวยเป็นดังภาพข้างล่างครับ


นับตั้งแต่ต้นปี 2004 เป็นต้นมา นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิภายในวันเดียวสูงสุด 15,361.99 ล้านบาท เมื่อต้นปี 2006 และขายสุทธิภายในวันเดียวสูงสุด 25,124.97 ล้านบาท เมื่อปลายปี 2006 โดยเฉลี่ยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยวันละ 127.72 ล้านบาท

ผมรับใช้มาถึงตรงนี้ เพื่อนนักลงทุนคงเห็นประโยชน์ของแหล่งข้อมูลที่ให้บริการฟรีของห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบ้างแล้วนะครับ นอกจากบริการข้อมูลดังกล่าวแล้ว ยังมีบริการให้สมาชิกยืมหนังสือลงทุนซึ่งมีอยู่มากมาย ที่ออกใหม่จากต่างประเทศก็มีมาเพิ่มเติมตลอดเวลา เนื่องจากชั้นล่างของห้องสมุดมีห้องน้ำสะอาดบริการ มี WiFi ของทรูขาย โต๊ะนั่งมีที่เสียบปลั๊กคอมพิวเตอร์ เปิดบริการ 8.30 ถึง 23.00 น. ทุกวัน วันศุกร์และเสาร์ปิดเที่ยงคืน ให้บริการไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ จึงมีนักลงทุนและประชาชนทั่วไปเข้าไปใช้บริการค่อนข้างมาก บ้างก็เข้าไปอ่านหนังสือพิมพ์ บ้างก็ไปติวหนังสือกัน ทีผมแปลกใจมากก็คือ อาแปะ อาซิ้ม อาม่า อากง เกือบทุกคนที่นั่งอยู่ในนั้นใช้ไอแพดเป็นกันหมด ผมพบนักลงทุนหลายคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์คุ้น ๆ ว่าเป็นรายใหญ่ระดับร้อยล้าน (ไม่กล้าทัก กลัวผิดคน) และยังมีโอกาสทักทายคุณบรรพต  ธนาเพิ่มสุข เอ็มเจรายการ GET SET แห่ง Money Channel ด้วย ผมตั้งใจจะสืบค้นข้อมูลย้อนหลังไปถึงอย่างน้อยก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง เพราะน่าจะได้ความรู้เพิ่มอีกมาก แต่สองวัน สิบสองชั่วโมงกับการจดข้อมูลก็ทำให้ผมต้องขอพักไปสักระยะหนึ่งก่อน ไว้มีโอกาสจะกลับไปทำภารกิจนี้ต่อครับ ภาพข้างล่างเป็นบรรยากาศภายในห้องสมุดมารวยที่ผมแอบถ่ายมาฝากเพื่อนนักลงทุนครับ

บรรยากาศชั้นล่างของห้องสมุดมารวย

คอมพิวเตอร์สืบค้นข้อมูลที่ชั้นล่างของห้องสมุดมารวย

คอมพิวเตอร์สืบค้นข้อมูลที่ชั้นบนของห้องสมุดมารวย


===================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา" ที่
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา "ชำแหละพื้นฐานหุ้น "