ตัวอย่างเช่น
หุ้นที่มีราคาต่ำกว่า 2 บาท จะเปลี่ยนราคาหุ้นไปขั้นละ 1 สตางค์ เช่น หุ้นขึ้นจาก 1.52 บาท เป็น 1.53 บาท
หุ้นที่มีราคาอยู่ระหว่าง 2 - 5 บาท ราคาจะเปลี่ยนขั้นละ 2 สตางค์ เช่น หุ้นลงจาก 4.26 บาท เป็น 4.24 บาท
หุ้นที่มีราคาอยู่ระหว่าง 5 - 10 บาท ราคาจะเปลี่ยนขั้นละ 5 สตางค์ เช่น หุ้นขึ้นจาก 7.10 บาท เป็น 7.15 บาท
หุ้นที่มีราคาิอยู่ระหว่าง 10 - 25 บาท ราคา ราคาจะเปลี่ยนขั้นละ 10 สตางค์ เช่น หุ้นลงจาก 14.90 บาท เป็น 14.80 บาท
หุ้นที่มีราคาอยู่ระหว่าง 25 - 100 บาท ราคาจะเปลี่ยนขั้นละ 25 สตางค์ เช่น หุ้นขึ้น 35.75 บาท เป็น 36.00 บาท
หุ้นที่มีราคาอยู่ระหว่าง 100 - 200 บาท ราคาจะเปลี่ยนขั้นละ 50 สตางค์ เช่น หุ้นลง 136.00 บาท เป็น 135.50 บาท
หุ้นที่มีราคาอยู่ระหว่าง 200 - 400 บาท ราคาจะเปลี่ยนขั้นละ 1 บาท เช่น หุ้นขึ้น 275.00 บาท เป็น 276.00 บาท
หุ้นที่มีราคามากกว่า 400 บาท ราคาจะเปลี่ยนขั้นละ 2 บาท เช่น หุ้นลง 500.00 บาท เป็น 498.00 บาท
ดังนั้น ในการวิเคราห์หุ้นไม่ว่าจะเป็นตามปัจจัยพื้นฐาน หรือตามปัจจัยทางเทคนิค ก่อนที่เราจะนำตัวเลขราคาหุ้นที่คำนวณได้ไปใช้ในการตัดสินใจลงทุน จึงต้องมีการปรับตัวเลขให้ลงตัวตามขั้นราคาหุ้น หรือสเปรดที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดก่อนทุกครั้งครับ เช่น ผมคำนวณเป้าหมายการพักปรับฐานราคาหุ้น IVL ตามทฤษฎี Fibonacci Retracement ได้แนวรับที่ 35.86 บาท จากตารางราคาหุ้นในช่วงดังกล่าวมีสเปรดราคาเท่ากับ 25 สตางค์ ดังนั้น เราต้องใช้ราคา 35.75 หรือ 36.00 บาท เป็นระดับเป้าหมายแนวรับของราคาหุ้น เพราะราคาหุ้นจริงในตลาดจะไม่มีทางออกมาเป็นค่า 35.86 บาท ได้เลยครับ เนื่องจากราคาหุ้นในช่วงนี้จะเปลี่ยนแปลงขั้นละ 25 สตางค์นั่นเองครับ
===================================================
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
facebook.com/truestockvalue
twitter.com/thstockinvest
gplus.am/chamlaehoon
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา "
ชำแหละพื้นฐานหุ้น"
ชำแหละพื้นฐานหุ้น"