Wednesday, December 22, 2010

BANPU หุ้นในดวงใจ ซึ่งมีพฤติกรรมเด้งเชือกที่ SMA25W

ผมหวนระลึกถึงหุ้น BANPU ที่เมื่อประมาณ 10 ปีก่อนผมเคยซื้อไว้จำนวนหนึ่งที่ราคาประมาณ 20 บาท ถืออยู่เป็นปี ราคาไม่ไปไหนเลยจึงขายออกไปและไม่ได้สนใจอีกเลย มาพบอีกทีราคาหลายร้อยบาทแล้ว ตอนนั้นจะซื้อหรือขายหุ้นตัวไหนไม่มีหลักการหรือความรู้หนุนหลังแต่อย่างใดทั้งสิ้น จากการที่คุณวิชัย วชิรพงศ์ ได้กรุณาแนะนำว่า ให้ลงทุนกับ "หุ้นในดวงใจ" โดยมองหาหุ้นที่ราคาเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณซื้อขายลดลง ซึ่งแสดงว่ามีคนต้องการหุ้นมาก ซื้อเก็บไว้แล้วไม่ปล่อยออกมาหมุนเวียนในตลาด ในปัจจุบันผมมาสังเกตกราฟราคารายสัปดาห์ของ BANPU แล้วเห็นว่าเข้าข่ายหุ้นในดวงใจ เลยนำมาตั้งเป็นข้อสังเกตในโพสต์นี้ครับ ผมคิดว่านักลงทุนทุกคนย่อมทราบดีว่า BANPU เป็นหุ้นถ่านหินอันดับหนึ่งของไทยซึ่งน่าลงทุนมาก แต่ติดอยู่ที่ราคาระดับ 800 บาท ซึ่งคนส่วนมากคิดว่าแพงมาก แต่ถ้าหารด้วย 30 จะเห็นว่าราคานี้คิดเป็นดอลลาร์ก็เพียงแค่ 26 USD เท่านั้น ในสายตาฝรั่งไม่แพงเลย (ราคาหุ้น Google ตอนนี้อยู่ที่ 600 USD)

(คลิกภาพเพื่อขยาย)

จากกราฟจะสามารถแบ่งความเป็นไปของราคาหุ้น BANPU ได้เป็นสองช่วงคือ ก่อนและหลังวิกฤติซับไพรม์ (ประมาณกลางปี 2008) ในช่วงแรก BANPU มีพฤติกรรมเหมือนหุ้นขาขึ้นทั่ว ๆ ไป คือราคาเพิ่มขึ้นพร้อมกันกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ในช่วงนี้จะเห็นว่าสัญญาณ RSI จะอยู่เหนือระดับ 50% โดยตลอด (กรอบสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินอันแรก) ระหว่างการไต่ขึ้นของราคาพบว่ามีการพักฐานเป็นระยะ โดยการพักฐานจะสิ้นสุดลงเมื่อราคาหุ้นลงมาแตะเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ (SMA25W) หลังเกิดวิกฤตซับไพรม์ ราคาหุ้นดิ่งลงไปทำจุดต่ำสุดที่ราคาประมาณ 120 บาทเมื่อประมาณเดือนกันยายน 2008 ที่จุดนี้ RSI มีค่าต่ำกว่า 30% ซึ่งแสดงว่าได้มีการขายหุ้นออกมากเกินไปแล้วอย่างมาก สังเกตได้จากปริมาณการซื้อขายที่สูงมาก ในช่วงเดียวกันนี้ สัญญาณ MACD ซึ่งติดลบอย่างมากได้ตัดกันแบบขาขึ้นแสดงถึงจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวรอบใหม่ ต่อมาเมื่อต้นปี 2009 ราคาของ BANPU ได้ตัดผ่าน SMA25W และ SMA50W ตามลำดับ ประมาณเดือนพฤษภาคม 2009 SMA25W ก็ได้ตัดกับ SMA50W แบบขาขึ้น เป็นจุดมั่นใจซึ่งยืนยันขาขึ้นระยะยาวของ BANPU จากจุดนั้นเป็นต้นมาราคาหุ้นได้ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ สลับกับการพักฐานด้วยการเด้งเชือกที่เส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ ทั้งหมด 5 ครั้ง ในระหว่างการไต่ระดับของราคาในรอบนี้จะสังเกตได้ว่าปริมาณการซื้อขายของ BANPU มีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ แสดงว่าคนที่ซื้อหุ้น BANPU ได้แล้วจะกอดหุ้นเอาไว้ไม่ขายออก จนปริมาณหุ้นที่หมุนเวียนในตลาดมีน้อยลงเรื่อย ๆ พร้อมกันกับราคาที่เพิ่มขึ้น ลักษณะแบบนี้คุณวิัชัย วชิรพงศ์บอกว่าราคาหุ้นจะยังเพิ่มขึ้นไปได้อีกมาก เมื่อดูสัญญาณ RSI พบว่าช่วงหลังวิกฤตซับไพรม์จะมีระดับเหนือ 50% มาโดยตลอด จากพฤติกรรมการเด้งเชือกที่ผ่านมา ท่านที่กำลังมองหาหุ้นชั้นเยี่ยมไว้ลงทุนระยะยาวจะมีจังหวะการเข้าซื้อ BANPU แบบเสี่ยงน้อยที่จุดเด้งเชือก SMA25W ถัดไป ที่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงราคาระหว่าง 700 - 900 บาท จับตาให้ดีครับ

===========================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

พฤติกรรมการเด้งเชือกของ TCAP ที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 25 สัปดาห์

ในช่วงขาขึ้นยาวนานของราคาหุ้น เรามักสังเกตเห็นได้ว่า การปรับฐานย่อย ๆ ของหุ้นจะมีจุดสิ้นสุดที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เส้นใดเส้นหนึ่ง และมักเกิดขึ้นซ้ำกันหลายครั้ง ผมขอเรียกปรากฏการณ์เช่นนี้ว่า "การเด้งเชือก (bouncing)" สำหรับในโพสต์นี้ผมขอตั้งข้อสังเกตพฤติกรรมการเด้งเชือกของหุ้น TCAP ตามกราฟราคาหุ้นรายสัปดาห์ด้านล่างครับ
(คลิกภาพเพื่อขยาย)



ในช่วงปี 2005 - 2008 ราคาหุ้น TCAP แทบจะอยู่คงที่แถว ๆ 15 บาท จนเมื่อเกิดวิกฤติซับไพรม์จึงได้ทรุดลงถึงจุดต่ำสุดประมาณ 4 บาทเมื่อเดือนกันยายน 2008 อีกสองเดือนต่อมาเกิดการตัดกันของสัญญาณ MACD (บริเวณวงกลม) ในขณะที่ RSI ประมาณ 30% ตรงนี้เป็นจุดเริ่มของการฟื้นตัว แนวโน้มขาขึ้นนี้ได้รับการยืนยันด้วยการที่ราคาหุ้นตัดผ่านเส้น SMA25W (ค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์) ในเดือนมกราคม 2009 และตัดผ่าน SMA50W (ค่าเฉลี่ย 50 สัปดาห์) ในเดือนมีนาคม 2009 ตามด้วย การตัดกันแบบขาขึ้นของ SMA25W และ SMA50W ในเดือนพฤษภาคม 2009 และ ณ จุดนี้เองเป็นจุดมั่นใจที่ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวของ TCAP หลังการปรับฐานใหญ่ที่เพิ่งผ่านพ้นไป นับแต่นั้นเป็นต้นมาราคาหุ้นของ TCAP ได้ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยสามารถรักษาระดับราคาให้ยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย SMA25W ได้โดยตลอด จากกราฟพบว่า ในช่วงการไต่ระดับนี้ TCAP มีพฤติกรรมสิ้นสุดการปรับฐานย่อย ๆ เมื่อราคาหุ้นลดลงมาชน หรือเด้งเชือกที่เส้น SMA25W จากนั้นจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ การปรับฐานครั้งล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากที่ TCAP ไต่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับราคาประมาณ 40 บาท ในปัจจุบัน (17 ธันวาคม 2010) ราคาของ TCAP ได้ลดลงมาแตะที่เส้น SMA25W อีกครั้ง ในครั้งนี้ยังไม่แน่ว่าการเด้งเชือกจะเกิดขึ้นที่เส้น SMA25W หรือจะหลุดไปเด้งที่เส้น SMA50W แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นผลดีจากความสำเร็จในการควบรวมกิจการกับ SCIB ดอกเบี้ยขาขึ้น แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งขึ้น ระดับของ RSI ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 50% และปริมาณการซื้อขายที่ระดับต่ำ ผมคิดว่าการเด้งเชือกน่าจะเกิดที่ SMA25W เหมือนที่ผ่านมาสองครั้งก่อน มากกว่าที่จะหลุดลงไปเด้งที่ SMA50W นักลงทุนที่สนใจหุ้นธนาคารจับตาให้ดีครับ


===========================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

Monday, November 15, 2010

ผมตกรถไฟขบวน PTL (โพลีเพล็กซ์)

ผมได้อ่านแนวคิดในการลงทุนของคุณวิชัย วชิรพงศ์ จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเมื่อหลายปีก่อน (2550) ก็ได้แรงบันดาลใจและนำมาใช้ได้พอสมควร มาปีนี้ (2553) ผมกลับไปอ่านแนวคิดดังกล่าวอีก ทำให้เข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดผมสะกิดใจสิ่งที่คุณวิชัยสอนว่า

"อย่าคิดคนเดียว อย่าตอบคำถามคนเดียว อย่าเล่นหุ้นคนเดียว"
และ
คนเล่นหุ้นให้ชนะ ต้องเลิกนิสัย "ถามเอง-ตอบเอง-เออเอง" สุดท้าย "เจ๊งลูกเดียว"

จึงได้มาคิดว่า แล้วเราจะไปหาเพื่อนช่วยคิดจากที่ไหน เลยเข้าไปสมัครสมาชิก เว็บลงทุน ThaiVI.org เพื่อหาเพื่อนช่วยคิด และได้พบกับการพูดคุยกันผ่านเว็บบอร์ดเกี่ยวกับหุ้น PTL บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งนักลงทุนในบอร์ดนั้นบางคนกำลังได้ผลตอบแทนจากหุ้นตัวนี้อยู่ถึง 900% จึงได้รู้ซึ้งถึงคำสอนที่เซียนบอกไว้ข้างต้น เพราะเราคนเดียวไม่มีหูตากว้างไกลพอที่จะพบหุ้นดี ๆ ในโอกาสที่ยังราคาถูก ๆ เท่ากับช่วยกันหาข้อมูลผ่านสังคมออนไลน์ ผมไม่รอช้าเข้าตรวจสอบกราฟราคาหุ้นของ PTL ทันที สิ่งที่ได้พบคือกราฟรายสัปดาห์นี้ครับ

(คลิกภาพเพื่อขยาย)

โอ้ แม่เจ้า เราไปงมโข่งอยู่ที่ไหน ถึงได้ตกรถไฟขบวนนี้ไปได้ อย่างไรก็ตามไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งเสียดายครับ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือ ศึกษาจากความผิดพลาดครั้งนี้ เพื่อให้พร้อมรับโอกาสใหม่ ๆ ที่จะมาในอนาคตครับ เห็นกราฟแบบนี้แล้วผมไม่เสี่ยงจะซื้อ PTL ในขณะนี้อยู่แล้วครับ เพราะมันเสี่ยงเกินไป ยังไงเสียราคาต้องปรับลงมาก่อนจะไปต่อได้อีก และเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเมื่อไรมันจะลงมา ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า อะไรคือสิ่งที่น่าจะเป็นสัญญาณเตือนเราว่าหุ้นตัวนี้จะเริ่มวิ่ง ?
ผมกลับไปอ่านข้อคิดการลงทุนของคุณวิชัยอีกครั้ง (ฉบับเต็มในกรุงเทพธุรกิจ) คราวนี้ได้ความว่า "หุ้นจะเริ่มวิ่งเมื่อกราฟ MACD รายเดือนตัดผ่านแกนศูนย์จากล่างขึ้นบน" ผมเข้าไปดูกราฟของ PTL รายเดือน สิ่งที่ได้พบก็เป็นอย่างในกราฟต่อไปนี้ครับ

(คลิกภาพเพื่อขยาย)



ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา (PTL เข้าตลาดครั้งแรกในปี 2004) หุ้น PTL เกิด MACD รายเดือนตัดผ่านระดับศูนย์ขาขึ้น สองครั้ง ครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2007 จากจุดนี้ ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นไป 91% จนถึงจุดสูงสุดในอีก 13 เดือนถัดมา ส่วนครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2009 จากจุดนี้ ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน เมื่อนับถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2010 ราคาหุ้นได้ขึ้นมาแล้ว 540% ใน 15 เดือน พฤติกรรมของราคาหุ้น PTL ยืนยันสิ่งที่คุณวิชัยได้กรุณาชี้แนะเอาไว้ดีพอสมควร แต่ช้าก่อน ก่อนที่เราจะลงทุน เราควรศึกษาพื้นฐานให้ดี เมื่อพบหุ้นพื้นฐานดีแล้ว จึงคอยตรวจสอบกราฟ MACD รายเดือน เพื่อหาจังหวะเข้าลงทุนต่อไป ในโพสต์หน้า ผมจะย้อนเวลากลับไปเอาข้อมูลพื้นฐานของ PTL ก่อนที่หุ้นจะวิ่ง มาให้ดูว่าพื้นฐานเป็นอย่างไร เราจะได้ความรู้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่ โปรดติดตามต่อไปครับ


ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

Tuesday, October 26, 2010

หุ้น TOP ทะลุแนวต้าน SMA200 สัปดาห์ จุดมั่นใจขาขึ้นรอบใหม่

การตัดกันแบบขาขึ้นของ SMA25W และ SMA50W (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่รายสัปดาห์) เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2552 (วงกลมเขียวอันแรกในกราฟ) ได้ยืนยันเป็นครั้งแรกถึงแนวโน้มขาขึ้นของหุ้น TOP (บมจ. ไทยออยล์) และราคาหุ้นก็ค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นมาจนชนกับแนวต้านใหญ่คือ SMA200W เมื่อต้นเดือนเมษายน 2553 ซึ่งแนวต้านนี้แข็งแกร่งและยากมากที่หุ้นจะสามารถทะลุผ่านไปได้ในความพยายามครั้งแรก และหุ้น TOP ก็ไม่สามารถผ่านไปได้ (ลูกศรแดงในกราฟ) ราคาหุ้น TOP เดินทางเลียบเคียงไปตามเส้น SMA25W และ SMA50W ซึ่งได้ลู่เข้าหากันแล้วไปจนกระทั่ง ทั้งสามตัวชี้วัดเคลื่อนเข้าใกล้ SMA200W ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ราคาหุ้นของ TOP สามารถทะลุแนวต้าน SMA200W ไปได้ และตลอด 3 สัปดาห์หลังจากนั้น ราคาก็ยังสามารถยืนเหนือ SMA200W อยู่ได้ (วงกลมเขียวอันที่สองในกราฟ) เหตุการณ์นี้ทำให้เรามั่นใจได้ว่า หุ้น TOP ได้ผ่านจุดอันตรายมาได้แล้ว และพร้อมสำหรับการวิ่งในขาขึ้นรอบใหม่ต่อไป จากกราฟพบว่าการลงทุนจากจุดที่สัญญาณ SMA25W ตัด SMA50W แบบขาขึ้น (32 บาท) จนเกิดการทะลุผ่านแนวต้าน SMA200W ไปได้ (55 บาท) คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 70% และการทะลุแนวต้าน SMA200W ยืนยันการไปต่อของราคาหุ้น ทำให้ SMA200W กลายเป็นแนวรับสำคัญต่อไป

(คลิกภาพเพื่อขยาย)


============================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

Thursday, October 21, 2010

โอกาสในวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ 2553 [เกร็ดความรู้ตลาดหุ้นไทย]

ขณะนี้เกิดวิกฤตน้ำท่วมหลายสิบจังหวัด ผลที่ตามมาคือ ต้องสร้างถนนใหม่ (ใช้ยางมะตอย) และต้องก่อสร้างใหม่บูรณะอาคารบ้านเรือนจำนวนมหาศาล (ใช้ปูน กระเบื้อง ของใช้ในบ้าน ตกแต่งบ้าน) หุ้นที่ได้ประโยชน์ (บนความทุกข์ของชาวบ้าน) ได้แก่ TASCO DCC SCC SCCC TPIPL HMPRO และหุ้นรับเหมาทั้งหลาย


ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

หุ้นที่ไปโรดโชว์ต่างประเทศ 24 ต.ค. 53 [เกร็ดความรู้ตลาดหุ้นไทย]

หุ้นที่ไปโรดโชว์ต่างประเทศกลับมามักมีราคาสูงขึ้น ในช่วง 24-26 ต.ค. 53 หุ้นที่จะไปอังกฤษได้แก่ PTT, TOP, IVL, HMPRO, AMATA, AP, MAJOR และ KK


ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

Wednesday, October 20, 2010

สัญญาณยืนยันสิ้นสุดการพักฐาน กรณีศึกษา Google

จากการเกิดสัญญาณสิ้นสุดการพักฐานครั้งแรกของ หุ้น Google (GOOG) โดยการตัดกันของ SMA 50 และ SMA 100 วัน แบบขาขึ้น พร้อมกับราคาหุ้นที่ผ่าน SMA 200 ขึ้นไปได้ ผมได้รอดูว่า ราคาหุ้นจะยืนเหนือ SMA 200 ได้หรือไม่ ซึ่งปรากฎว่า ราคาของ GOOG สามารถยืนอยู่ได้ตลอดสองสัปดาห์ต่อมา ทำให้ RSI ลดค่าจากประมาณ 90 (overbought) ลงเหลือประมาณ 60 จากนั้นเมื่อ Google ประกาศผลประกอบการ Q3 ของปี 2553 ออกมาดีเกินคาดมาก ราคาหุ้นได้พุ่งกระโดดจาก 540 USD ไปที่ประมาณ 580 USD พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงมากอย่างเห็นได้ชัด เป็นการสำทับสัญญาณซื้อที่เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อสองสัปดาห์ก่อนอีกชั้นหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นยืนยันว่า การพักฐานของ GOOG ได้สิ้นสุดลงแล้ว
เมื่อพิจารณา SMA 50 ที่เกือบจะไปตัดกับ SMA 200 วัน แบบขาขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว ผมจึงตัดสินใจเริ่มเข้าเก็บหุ้น GOOG เพิ่มเติมได้ต่อไป การรอให้ราคายืนอยู่เหนือ SMA 200 วัน นับจากเกิดสัญญาณซื้อครั้งแรก (SMA 50 ตัด SMA 100 แบบขาขึ้น) จนกระทั่งเกิดการกระโดดของราคาขึ้นไปอย่างมาก ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นไปประมาณ 60 USD จากระดับ 520 USD หรือประมาณ 12% นี่คือค่าเสียโอกาสที่ผมยินดีจ่ายเพื่อแลกกับความเสี่ยงที่ลดลงอย่างมาก การกระโดดขึ้นของราคาที่สูงมากเป็นเครื่องยืนยันอีกประการหนึ่งว่า GOOG จะยังคงเป็นหุ้นในดวงใจของผมไปได้อีกนาน

(คลิกภาพเพื่อขยาย)



คำถามที่มีต่อไปคือว่า เมื่อสิ้นสุดการปรับฐานแล้วหุ้น Google จะไปต่ออย่างไร มาดูภาพรวมโดย zoom out กราฟหุ้นเป็นรายเดือน จะพบว่า การพักฐานใหญ่ของ Google ครั้งนี้ มีรูปแบบ reverse head and shoulder อย่างสวยงาม โดยปรับตัวลงจาก ราคา 750 USD เป็นไหล่ซ้าย ตามด้วยหัวซึ่งลงไปที่ 250 USD แล้วขึ้นมา 600 USD กว่า ๆ แล้วลงไปทำไหล่ขวาที่ 450 USD ตอนนี้ได้ขึ้นไปอยู่ประมาณ 610 USD ครบเป็น reverse head and shoulder ที่ค่อนข้างสวยงาม (ในกราฟข้างล่าง แท่งกราฟเดือนสุดท้ายยังไม่ขึ้นเพราะยังไม่สิ้นเดือน) เราลากเส้นตรงผ่านระดับต้นแขนซ้าย คอ และต้นแขนขวาจะได้ว่า ยอดส่วนหัวปรับลงไปจากเส้นตรงนี้ประมาณ 450 USD ขณะนี้ราคาหุ้นได้ทะลุแนวเส้นตรงนี้ขึ้นไปแล้ว ถ้ายืนเหนือแนวนี้ได้ ราคาเป้าหมายต่อไปก็คือ 600 + 450 = 1050 USD ถ้าทยอยเข้าลงทุนตอนนี้ ก็จะมี upside ประมาณ 75%

(คลิกภาพเพื่อขยาย)



ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

Tuesday, October 5, 2010

สัญญาณยืนยันการพักฐานของ SMT

หุ้นตัวที่เราดูพื้นฐานมาอย่างดีแล้ว ถ้าพื้นฐานบอกว่าหุ้นตัวนี้เป็นของจริง โดยมากราคามักจะเพิ่มขึ้นมามากแล้ว การที่จะพบหุ้นดีก่อนราคาเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดนั้น ทำได้แสนยาก ถ้าราคาหุ้นยังไม่เพิ่มขึ้นมาจนสังเกตเห็นได้โดยคนจำนวนมากพอสมควร นักลงทุนที่ไม่ใช่เซียนทุนหนักจริง ๆ จะทำใจซื้อหุ้นก่อนการเพิ่มขึ้นของราคามาก ๆ ได้ยากลำบากมาก เพราะไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหนกว่าราคาจะเพิ่มตามที่เราคาด ดังนั้นผู้ที่ยังมีประสบการณ์ไม่มากพอมักพบว่า ไม่สามารถซื้อหุ้นดีที่ราคาถูก ๆ ได้เลย ยกเว้นรอโอกาสที่หุ้นตัวนั้น "พักฐาน"
นับตั้งแต่ต้นปี 2553 ราคาหุ้น SMT บมจ. สตาร์สไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลกำไรที่เติบโตอย่างโดดเด่นจากการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไฮเทค เช่น จอมือถือแบบสัมผัส แผงควบคุม iPod ตลอดจนอุปกรณ์ MEMS (Microelectromechanical Systems : ระบบกลไฟฟ้าจุลภาค) สำหรับตรวจวัดความดันลมยางรถยนต์ที่กฎหมายในสหรัฐอเมริกาเริ่มบังคับใช้ให้มีในรถยนต์ทุกคัน คันละ 5 ตัว (รวมยางอะหลั่ย) ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า ตลอดระยะเวลาดังกล่าว สัญญาณทางเทนนิค SMA 25 และ 50 วันยังไม่เคยตัดกันเลย แต่ประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา SMA 25 ได้ตัดผ่าน SMA 50 ในทิศทางตัดลง ประกอบกับการที่ราคาหุ้นได้ยืนอยู่เหนือเส้น SMA 200 วันค่อนข้างมากแล้ว เหตุการณ์นี้ยืนยันว่า หุ้น SMT จะพักฐานเพื่อรอให้เส้น SMA 200 วันตามขึ้นมาแตะหรือมาใกล้เส้นกราฟราคาหุ้นก่อนจึงจะมีแรงพอที่จะวิ่งต่อไปได้ ท่านนักลงทุนที่ต้องการเก็บหุ้น SMT เข้าพอร์ตควรรอไปอีกพักใหญ่ โดยเฉพาะการรอให้ SMA 25 ตัดผ่าน SMA 50 วันแบบตัดขึ้นเสียก่อนก็ยังไม่สายเกินไป

(คลิกภาพเพื่อขยาย)

















ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

Thursday, September 30, 2010

IVL มีแนวโน้มจะเป็น "หุ้นในดวงใจ"

แม้ว่าหุ้น IVL (บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส) จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ไม่ถึงหนึ่งปี แต่ตามประวัติแล้วได้เคยส่งบริษัทลูก อินโดรามาพอลิเมอร์ (IRP) เข้าตลาดหุ้นมาตั้งแต่ปี 2548 ตอนหลังเมื่อปลายปี 2552 ได้ถอนลูกออกจากตลาดและเอาแม่เข้าแทน ผมได้สังเกตกราฟราคาหุ้นรายวันของ IVL พบว่าเข้าข่าย "หุ้นในดวงใจ" ตามคำแนะนำของคุณ วิชัย วชิรพงศ์ ที่ว่า ให้หาหุ้นที่ราคาเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณซื้อขายลดลง ซึ่งแสดงว่ามีคนต้องการหุ้นมาก ซื้อเก็บไว้แล้วไม่ปล่อยออกมาหมุนเวียนในตลาด จากกราฟข้างล่างประกอบกับข้อเท็จจริงต่าง ๆ ต่อไปนี้ ทำให้ผมคิดว่า IVL มีแนวโน้มอย่างมากที่จะเป็น "หุ้นในดวงใจ" ของผมได้
  • บริษัทเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PET ที่ใช้ทำขวดบรรจุภัณฑ์ เช่น น้ำดื่ม น้ำชาเขียว น้ำอัดลม รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก และกำลังมุ่งมั่นขยายกิจการโดยการ take over เพื่อเป็นอันดับ 1 ต่อไป มีโรงงาน 13 แห่ง กระจายใน 3 ทวีปทั่วโลก ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง
  • ราคาหุ้นและกำไรเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ROE สูงประมาณ 30%
  • ปรับราคาผลิตภัณฑ์ได้ตามสภาวะเศรษฐกิจ ขวดพลาสติก PET จะขายดีมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
  • ผู้บริหาร (อาลก โลเฮีย) กลายเป็นเศรษฐีอันดับ 5 ของไทย ในปี 2553 ทำงานในประเทศไทยมากว่า 20 ปี โดยไม่มีประวัติความไม่ชอบมาพากลในการบริหารงาน
(คลิกภาพเพื่อขยาย)
ถ้าดูสัญญาณในกราฟ จะพบว่า ราคาหุ้นอยู่ในรอบขาขึ้นอย่างชัดเจน สัญญาณทางเทคนิคที่ควรติดตามมีเพียงสองตัวคือ SMA 25 และ SMA 50 วัน การเพิ่มของราคาหุ้น IVL เป็นไปอย่างต่อเนื่องสลับกับการพักฐานระยะ 1-2 เดือน จากกราฟจะพบว่า SMA 25 ยังไม่เคยตัดกับ SMA 50 วันแบบตัดลงเลย อย่างมากก็แค่เข้ามาใกล้ หรือเข้ามาแตะ แล้วถอยห่างออก แนวโน้มนี้แสดงถึงการที่ราคาหุ้น IVL จะยังไปต่อได้อีกเรื่อย ๆ และราคาหุ้นจะพักฐานรอบใหญ่ก็ต่อเมื่อยืนยันด้วยการที่ SMA 25 ตัดกับ SMA 50 วันแบบตัดลงก่อนเท่านั้น ซึ่งในขณะนี้ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเกิดขึ้น

=============================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

Monday, September 27, 2010

คุณมีความหนักแน่น มั่นคงต่อสัญญาณซื้อขายระยะยาวมากแค่ไหน ?

หุ้น Google เป็นหุ้นในดวงใจของผม นับตั้งแต่ต้นปี 2010 GOOG ได้ทำการปรับฐานเพื่อสะสมพลังเตรียมพร้อมที่จะทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ในอนาคต การปรับฐานครั้งนี้ได้ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 9 เดือนแล้ว ผมได้ยุติการซื้อสะสมหุ้น Google ไว้นานพอสมควร และได้แต่เฝ้ารอคอยโอกาสที่จะเข้าซื้อสะสมอีกครั้ง ซึ่งหุ้น google มีพฤติกรรมที่ทำนายด้วยกราฟทางเทคนิคระยะยาวได้ดีพอสมควร จะเห็นได้จากสัญญาณการเริ่มฟื้นตัวและการปรับฐานในรอบที่ผ่านมา ดังกราฟราคาหุ้น GOOG ในรอบ 2 ปี รายสัปดาห์ข้างล่าง

(คลิกภาพเพื่อขยาย)






































ปัญหามีอยู่ว่า การปรับฐานในปัจจุบันได้สิ้นสุดลงหรือยัง การพุ่งทะยานขึ้นของ GOOG ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มทำให้เรามีความหวังแล้วว่าการปรับฐานใกล้จบแล้ว แต่เราแน่ใจได้หรือยัง ? เรากำลังพลาดการซื้อ ณ จุดตำสุดแล้วหรือ ? สำหรับผมแล้วขอตอบว่า ผมจะยังไม่เข้าซื้อจนกว่าจะมีการยืนยันอย่างแน่ชัด ด้วยสัญญาณทางเทคนิค มาดูกราฟรายวันของ GOOG รอบ 6 เดือนที่ผ่านมาประกอบการตัดสินใจกันครับ

(คลิกภาพเพื่อขยาย)


































ในเหตุการณ์นี้ ผมจะยังไม่ผลีผลามเข้าไปซื้อหุ้น GOOG ในตอนนี้ เพราะเมื่อดูจากกราฟรายวัน รอบ 6 เดือนข้างบน จะเห็นว่า สัญญาณ SMA ได้ยืนยันการพักฐาน บริเวณจุด A กล่าวคือ SMA 50 วัน ตัดลงกับ SMA 200 วัน จากนั้น SMA 100 วัน ก็ตัดลง SMA 200 วัน ซ้ำเข้าไปอีก การพักฐานรอบนี้ราคาหุ้นลงไปทำจุดต่ำสุดในเดือน July 2010 แล้วจึงพยายามไต่กลับขึ้นมา ราคาหุ้นตัดผ่าน SMA 50 สำเร็จแต่ไม่สามารถยืนอยู่ได้จึงตกลงมาแบบตกวูบ แล้วค่อยขึ้นไปใหม่ คราวนี้ยืนเหนือ SMA 50 ได้จึงออกแรงมากขึ้นหวังจะตัดผ่าน SMA 100 บริเวณจุด B ความพยายามนี้ไม่สำเร็จจึงได้ตกลงมาแตะ SMA 50 แต่สุดท้ายก็ยืนที่ SMA 50 ไม่ไหวตกผ่านลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่จุดต่ำสุดนี้ ยังสูงกว่าจุดต่ำสุดคราวก่อน (ทำ higher low) การทำ higher low เป็นสัญญาณที่ดี จากนั้นราคาหุ้นได้ไต่ขึ้นไปตัดผ่าน SMA 50 และยืนอยู่ได้แบบสบาย ๆ ที่บริเวณนี้ SMA50 และ SMA 100 วัน ได้ลู่เข้าหากันใกล้มากแล้ว ดังนั้นราคาหุ้นจึงได้ตัดผ่าน SMA 100 ขึ้นไปได้โดยไม่ยาก และพุ่งผ่านระดับราคาเดิมที่บริเวณ B ไปได้ ที่จุด C ในปัจจุบัน ราคาหุ้นได้ตัดผ่าน SMA 200 วันขึ้นไปได้แล้ว แต่ไม่แน่ว่าจะยืนเหนือเส้น SMA 200 วัน ได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ จากแนวโน้มที่เห็นจากกราฟ ผมคิดว่าราคาหุ้นถึงเวลาต้องพักเหนื่อยแล้ว เพราะ ระดับของสัญญาณ RSI ได้ทำ peak ไปแล้ว และหุ้น GOOG อยู่ในเกณฑ์ overbought อย่างมาก (RSI > 80) การเข้าซื้อ GOOG ในตอนนี้ยังถือว่าเสี่ยงอยู่โดยเฉพาะการซื้อด้วย margin loan ดังนั้นผมจึงตัดสินใจว่าจะรอให้ SMA 50 วัน ตัดขึ้นผ่าน SMA 100 วัน ไปก่อน ระหว่างนี้ ราคาหุ้นอาจจะลงมาจากระดับของ SMA 200 วัน เพื่อให้ SMA 50 วัน ตามขึ้นมาใกล้ก่อน ผมจะแน่ใจอย่างที่สุดก็ต่อเมื่อ SMA 50 ได้ขึ้นไปตัดผ่าน SMA 200 วัน และ ราคาหุ้นสามารถยืนเหนือ SMA 200 วันแล้วเท่านั้น


====================
เพิ่มเติมข้อมูล 20 ต.ค. 2553
====================
จากการเกิดสัญญาณสิ้นสุดการพักฐานครั้งแรกของ หุ้น Google (GOOG) โดยการตัดกันของ SMA 50 และ SMA 100 วัน แบบขาขึ้น พร้อมกับราคาหุ้นที่ผ่าน SMA 200 ขึ้นไปได้ ผมได้รอดูว่า ราคาหุ้นจะยืนเหนือ SMA 200 ได้หรือไม่ ซึ่งปรากฎว่า ราคาของ GOOG สามารถยืนอยู่ได้ตลอดสองสัปดาห์ต่อมา ทำให้ RSI ลดค่าจากประมาณ 90 (overbought) ลงเหลือประมาณ 60 จากนั้นเมื่อ Google ประกาศผลประกอบการ Q3 ของปี 2553 ออกมาดีเกินคาดมาก ราคาหุ้นได้พุ่งกระโดดจาก 540 USD ไปที่ประมาณ 580 USD พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงมากอย่างเห็นได้ชัด เป็นการสำทับสัญญาณซื้อที่เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อสองสัปดาห์ก่อนอีกชั้นหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นยืนยันว่า การพักฐานของ GOOG ได้สิ้นสุดลงแล้ว
เมื่อพิจารณา SMA 50 ที่เกือบจะไปตัดกับ SMA 200 วัน แบบขาขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว ผมจึงตัดสินใจเริ่มเข้าเก็บหุ้น GOOG เพิ่มเติมได้ต่อไป การรอให้ราคายืนอยู่เหนือ SMA 200 วัน นับจากเกิดสัญญาณซื้อครั้งแรก (SMA 50 ตัด SMA 100 แบบขาขึ้น) จนกระทั่งเกิดการกระโดดของราคาขึ้นไปอย่างมาก ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นไปประมาณ 60 USD จากระดับ 520 USD หรือประมาณ 12% นี่คือค่าเสียโอกาสที่ผมยินดีจ่ายเพื่อแลกกับความเสี่ยงที่ลดลงอย่างมาก การกระโดดขึ้นของราคาที่สูงมากเป็นเครื่องยืนยันอีกประการหนึ่งว่า GOOG จะยังคงเป็นหุ้นในดวงใจของผมไปได้อีกนาน


(คลิกภาพเพื่อขยาย)


































ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

GOOG (Google Inc.) หุ้นในดวงใจ ตามแนว วิชัย วชิรพงศ์

งานหลักของนักลงทุนที่จะต้องทำเป็นประจำไม่ใช่การเฝ้าหน้าจอเพื่อลุ้นราคาหุ้นในพอร์ต แต่เป็นการเสาะแสวงหา หุ้นในดวงใ ให้พบ เมื่อพบแล้ว งานที่จะต้องทำต่อไปคือ การหาจังหวะเข้าซื้อ และจังหวะขายออกให้เหมาะสม ซึ่งควรจะดำเนินการในกรอบระยะเวลาที่ค่อนข้างยาว เนื่องจากมีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจำนวนไม่น้อยที่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการลงทุนในระยะยาวย่อมดีกว่าการซื้อขายบ่อย ๆ


การหาหุ้นในดวงใจนั้น คุณวิชัย  วชิรพงศ์ แนะนำให้ดู หุ้นตัวที่ราคาเพิ่ม แต่ปริมาณซื้อขายลด  ซึ่งปรากฏการณ์นี้อธิบายได้ว่า มีความต้องการเป็นเจ้าของหุ้นตัวนี้มาก เมื่อนักลงทุนซื้อหุ้นได้แล้วจะเก็บหุ้นไว้ไม่ปล่อยออก ทำให้มีหุ้นที่หมุนเวียนซื้อขายอยู่ในตลาดน้อยลงเรื่อย ๆ แสดงว่าเป็นหุ้นที่ดี คนที่ต้องการหุ้นจึงต้องทยอยซื้อแพงขึ้นเรื่อย ๆ


ในโพสต์นี้ ผมขอนำเสนอ หุ้น GOOG (Google Inc.) ซึ่งเป็นตัวที่ผมคิดว่าเป็นหุ้นในดวงใจได้ เนื่องจากในช่วงที่เป็นขาขึ้นนั้น หุ้นมีปริมาณซื้อขายลดลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ราคาทยอยเพิ่มสูงขึ้น กราฟข้างล่างได้แสดงให้เห็นปรากฏการณ์นี้มาแล้วสองรอบในช่วงห้าปีที่ผ่านมา



















ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่    facebook.com/thstockinvest    twitter.com/thstockinvest 

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น

Thursday, September 23, 2010

ดูจุดเริ่มของหุ้นขาขึ้นรอบใหญ่ จาก MACD รายเดือน: PS

ตลอดปี 2551 ราคาหุ้น PS ได้ตกต่ำลงมากจนกระทั่งเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งเมื่อต้นปี 2552 ประมาณเดือนพฤษภาคม 2552 MACD รายเดือนของ PS ได้ตัดกับแกนศูนย์ แบบตัดขึ้น ยืนยันจุดเริ่มของหุ้นขาขึ้นระยะยาวรอบใหม่ จุดนี้เป็นจุดเดียวกันกับขณะที่ราคาหุ้นตัดผ่าน SMA 25 เดือนขึ้นไปได้ นักลงทุนที่อดทนรอจนกว่าจะมีสัญญาณรายเดือนออกมายืนยันแบบนี้จะเสี่ยงน้อยกว่าผู้ที่ใจร้อน เข้าซื้อตั้งแต่ช่วงต้นปี 2552 ซึ่งหุ้นเริ่มโงหัวขึ้น แต่ไม่มีความแน่ใจได้เลยว่าหุ้นจะไม่ลงต่อไปอีก

(คลิกภาพเพื่อขยาย)




============================================================


ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest

เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial


หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา  ชำแหละพื้นฐานหุ้น