Wednesday, January 30, 2013

หุ้น SINGER รวบรวมกำลังอยู่ในช่วง 18 - 20 บาท ติดตามกำไรด้วย SMA77D


     หลังจากกระโดดออกจาก [ กราฟรูปถ้วยกาแฟมีหูจับ ] ขึ้นไปได้เล็กน้อย แทนที่หุ้น SINGER จะวิ่งขึ้นไปหาเป้าหมายของรูปกราฟที่ประมาณ 22 บาท แต่กลับนึกขึ้นได้ว่าหูจับที่สร้างเอาไว้มันสั้นเกินไป เลยขอรวบรวมกำลังสร้างหูจับให้ใหญ่ขึ้นอีกนิสนุง พร้อมกับถือโอกาสลงมาย้ำปิดแก็ปที่เปิดเอาไว้ตอนกระโดดขึ้นมาให้แน่น มองดูกราฟในภาพข้างล่างผมเห็นว่า เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 77 วัน หรือ SMA77D สีเหลือง เป็นแนวนำทางให้ราคาหุ้นได้ค่อนข้างดี ในขณะนี้ราคาหุ้นยังคลอเคลียเหนือเส้นนี้เพื่อสะสมพลังก่อนไปต่อ เส้นสีชมพูเป็นระดับปากถ้วยแก้วเดิม ดูอีกทีหูจับใหม่ของถ้วยแก้วนี้เข้าท่ากว่าเดิมนะครับ ว่ามั๊ย ? ดูจากระดับ RSI ที่ลดลงมาอยู่แถว ๆ 50% แสดงว่าความร้อนแรงได้ลดลงมากพอสมควรแล้ว อีกไม่นานน่าจะหายเหนื่อยพอจะไปต่อได้ เมื่อมองตามแนวช่องแนวโน้มสีเขียวจะเห็นได้ว่า การกลับมาสร้างหูจับให้ยาวขึ้นในครั้งนี้ช่วยให้ราคาหุ้นมีโอกาสไต่ขึ้นไปหาเป้าหมาย 22 บาทได้ง่ายขึ้น เพราะในขณะนี้ระดับราคา 22 บาทกำลังอยู่ในแนวเส้นสีเขียวเส้นบนพอดีนั่นเองครับ



Short URL = http://bit.ly/WAc72p

==============================

ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ + เงินสด + มูลค่าปัจจุบันของ [ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับระหว่างถือหุ้น 10 ปี ]

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

หุ้น OFM มุ่งหน้าไปพักเหนื่อยแถว ๆ 70 บาท

     ผมเคยพาเพื่อนนักลงทุนสังเกตการ [ สร้างรูปกราฟแบบถ้วยกาแฟมีหูจับ ] ของหุ้น OFM โดยที่รูปกราฟนั้นมีเป้าหมายราคาชี้ไปที่ 78 บาท มาบัดนี้ราคาหุ้นได้ไต่ขึ้นไปชนเป้าหมายนั้นแล้วจึงพักเหนื่อยย่อลงมาเล็กน้อย ในโพสต์นีัผมพาเพื่อนนักลงทุนแวะเยี่ยม OFM ดูหน่อยว่า หายเหนื่อยบ้างหรือยัง ในกราฟข้างล่างผมวาดช่องแนวโน้มราคาขาขึ้นของหุ้น OFM ด้วยเส้นตรงสามเส้น ทางขวาสุดของกราฟบริเวณราคา 70 บาท จะสังเกตได้ว่า ราคาหุ้น เส้นตรงสีเขียว และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 21 วัน (SMA21D) ต่างมุ่งหน้ามารวมกัน ดังนั้นจึงมีโอกาสค่อนข้างมากที่ราคาหุ้นจะมาหยุดพักเหนื่อยที่ระดับราคานี้ ถ้าสังเกตให้ดี บริเวณ 70 บาทเป็นระดับที่ราคาหุ้นเคยกระโดดเปิดแก็ปเอาไว้เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม 2013 ดังนั้นการมาพักเหนื่อยที่ระดับนี้ จึงเป็นการมาย้ำปิดแก็ปให้แน่น ก่อนจะไปต่ออย่างมั่นคงต่อไป ครับ



ในมุมมองของทฤษฎี Fibonacci retracement การพักเหนื่อยครั้งนี้เกิดจากการวิ่งตามแนวลูกศรสีน้ำเงินจาก 55 บาท ไป 77 บาท แล้วพัก คำนวณระดับเป้าหมายที่ราคาหุ้นมีโอกาสลงไปพักเหนื่อยดังนี้ 


Begin = 55.00
End = 77.00
Difference = 22.00

Targets = End + [ Difference x Fibonacci ratio ] 
= 77.00 + ( 22.00 x 3.330 ) = 333 % = 150.26
= 77.00 + ( 22.00 x 2.618 ) = 262 % = 134.60
= 77.00 + ( 22.00 x 2.058 ) = 206 % = 122.28
= 77.00 + ( 22.00 x 1.618 ) = 162 % = 112.60
= 77.00 + ( 22.00 x 1.272 ) = 127 % = 104.98
= 77.00 + ( 22.00 x 1.000 ) = 100 % = 99.00
= 77.00 + ( 22.00 x 0.786 ) = 79 % = 94.29
= 77.00 + ( 22.00 x 0.618 ) = 62 % = 90.60
= 77.00 + ( 22.00 x 0.486 ) = 49 % = 87.69
= 77.00 + ( 22.00 x 0.382 ) = 38 % = 85.40
= 77.00 + ( 22.00 x 0.300 ) = 30 % = 83.60
= 77.00 + ( 22.00 x 0.236 ) = 24 % = 82.19
= 77.00 + ( 22.00 x 0.146 ) = 15 % = 80.21
= 77.00 + ( 22.00 x 0.000 ) = 0 % = 77.00
= 77.00 + ( 22.00 x -0.146 ) = -15 % = 73.79
= 77.00 + ( 22.00 x -0.236 ) = -24 % = 71.81
= 77.00 + ( 22.00 x -0.300 ) = -30 % = 70.40
= 77.00 + ( 22.00 x -0.382 ) = -38 % = 68.60
= 77.00 + ( 22.00 x -0.486 ) = -49 % = 66.31
= 77.00 + ( 22.00 x -0.618 ) = -62 % = 63.40
= 77.00 + ( 22.00 x -0.786 ) = -79 % = 59.71
= 77.00 + ( 22.00 x -1.000 ) = -100 % = 55.00

การปรับลง 30% ชี้เป้าไปที่ 70.40 บาท เข้ากันได้กับระดับแก็ปที่เปิดทิ้งไว้ ทิศทางที่ราคาหุ้น เส้นตรงสีเขียว และเส้น SMA21D กำลังมุ่งหน้าไปพอดีครับ

Short URL = http://bit.ly/128dpIV

==============================

ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ + เงินสด + มูลค่าปัจจุบันของ [ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับระหว่างถือหุ้น 10 ปี ]

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

หุ้น EARTH กำลังสร้างกราฟรูปถ้วยแก้วมีหูจับ


      ผมได้ยินข่าวเกี่ยวกับกิจการถ่านหินของ EARTH ในสื่อมาระยะหนึ่ง และในวันนี้ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับการเอาหุ้น EARTH ไปเทรดในตลาดหุ้นแฟรงค์เฟิร์ต เยอรมนี เลยได้โอกาสเข้าดูกราฟหุ้นของ EARTH โดยยังไม่มีโอกาสศึกษาปัจจัยพื้นฐานของกิจการ เมื่อดูกราฟแล้วพบว่าสามารถใช้เป็นตัวอย่างเล่าเรื่องปัจจัยทางเทคนิคให้เพื่อนนักลงทุนฟังได้ดีมากเนื่องจากกราฟที่ผมเห็นมีทั้งทฤษฎี Fibonacci retracement  ทฤษฎีกราฟรูปถ้วยแก้วไม่มีหูจับ และทฤษฎีถ้วยแก้วมีหูจับ พร้อมกันในภาพเดียวดังรูปข้างล่าง 



เริ่มจากลูกศรเขียวในภาพแสดงการพุ่งของราคาหุ้นจาก 5 บาท ไปถึง 7.50 บาท แล้วพักปรับฐาน เมื่อใช้ทฤษฎี Fibonacci retracement กับการพุ่งของราคาตามลูกศร เราจะพบอะไรบ้าง มาลองทำดูกันครับ

Begin = 5.00
End = 7.50
Difference = 2.50

Targets = End + [ Difference x Fibonacci ratio ] 
= 7.50 + ( 2.50 x 2.618 ) = 262 % = 14.05
= 7.50 + ( 2.50 x 2.058 ) = 206 % = 12.65
= 7.50 + ( 2.50 x 1.618 ) = 162 % = 11.55
= 7.50 + ( 2.50 x 1.272 ) = 127 % = 10.68
= 7.50 + ( 2.50 x 1.000 ) = 100 % = 10.00
= 7.50 + ( 2.50 x 0.786 ) = 79 % = 9.47
= 7.50 + ( 2.50 x 0.618 ) = 62 % = 9.05
= 7.50 + ( 2.50 x 0.486 ) = 49 % = 8.72
= 7.50 + ( 2.50 x 0.382 ) = 38 % = 8.46
= 7.50 + ( 2.50 x 0.300 ) = 30 % = 8.25
= 7.50 + ( 2.50 x 0.236 ) = 24 % = 8.09
= 7.50 + ( 2.50 x 0.146 ) = 15 % = 7.87
= 7.50 + ( 2.50 x 0.000 ) = 0 % = 7.50
= 7.50 + ( 2.50 x -0.146 ) = -15 % = 7.14
= 7.50 + ( 2.50 x -0.236 ) = -24 % = 6.91
= 7.50 + ( 2.50 x -0.300 ) = -30 % = 6.75
= 7.50 + ( 2.50 x -0.382 ) = -38 % = 6.55
= 7.50 + ( 2.50 x -0.486 ) = -49 % = 6.29
= 7.50 + ( 2.50 x -0.618 ) = -62 % = 5.96
= 7.50 + ( 2.50 x -0.786 ) = -79 % = 5.54
= 7.50 + ( 2.50 x -1.000 ) = -100 % = 5.00
= 7.50 + ( 2.50 x -1.272 ) = -127 % = 4.32
= 7.50 + ( 2.50 x -1.618 ) = -162 % = 3.46
= 7.50 + ( 2.50 x -2.058 ) = -206 % = 2.36
= 7.50 + ( 2.50 x -2.618 ) = -262 % = 0.96

การคำนวณเป้าหมายการพักปรับฐานหลังการพุ่งของราคาจาก 5.00 บาท ไป 7.50 บาท ทำนายการปรับลง 49% ไว้ที่ราคา 6.29 บาทตรงกับที่เกิดขึ้นจริง

ระหว่างการพักปรับฐานดังกล่าว ถ้าสังเกตในกราฟจะมองเห็นลักษณะกราฟเป็นรูปถ้วยแก้วไม่มีหูจับตามเส้นร่างสีน้ำเงิน โดยมีปากถ้วยอยู่ที่ประมาณ 7.50 บาท ก้นถ้วยอยู่ที่ 6.50 บาท ดังนั้นเป้าหมายของกราฟรูปถ้วยแก้วไม่มีหูจับจึงชี้ไปที่ 7.50 + (7.50 - 6.50) = 8.50 บาท ซึ่งต่อมาราคาหุ้นได้ไต่ขึ้นไปถึงเป้าหมายนั้นแล้วพักปรับฐานลงมาอีกครั้ง

การพักปรับฐานครั้งหลังสุดเริ่มจากประมาณ 8.50 บาท ลงมาประมาณ 7.25 บาท เมื่อมองกราฟในช่วงนี้ผมเห็นรูปถ้วยกาแฟมีหูจับโดยที่ตัวหูจับยังสร้างไม่เสร็จดีนัก ถ้าสร้างหูจับเสร็จแล้ว เป้าหมายของรูปกราฟนี้ชี้ไปที่ 8.50 + (8.50 - 7.25) = 9.75 บาท เปรียบเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบันที่ 8.20 บาท คิดเป็นผลตอบแทนระยะสั้น 9.75 / 8.20 = 18.9% ในการลงทุนทุกครั้ง ถ้าเข้าแล้วราคาปิดลงขาดทุน 10% ต้องขายทิ้งทันที ในที่นี้จุดขายทิ้งคือ 8.20 * 0.9 = 7.38 บาท เมื่อดูในกราฟจะเห็นว่า เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 77 วัน หรือ SMA77D เป็นเส้นที่รองรับจุดต่ำสุดระหว่างการปรับฐานรอบปัจจุบัน โดยที่ในขณะนี้ SMA77D อยู่ที่ประมาณ 7.50 บาท ซึ่งสูงกว่าจุดตั้งขายทิ้ง 7.38 บาท ทำให้การเข้าลงทุนที่ 8.20 บาท น่าจะปลอดภัยพอสมควรครับ

Short URL = http://bit.ly/Ygggef

==============================

ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ + เงินสด + มูลค่าปัจจุบันของ [ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับระหว่างถือหุ้น 10 ปี ]

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

หุ้น HTECH สร้างกราฟรูปถ้วยแก้วมีหูจับเกือบเสร็จแล้ว


      หลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 5.85 บาท เมื่อเดือนตุลาคม 2012 หุ้น HTECH ก็ได้เข้าสู่การพักปรับฐานใหญ่ภายใต้เส้น supply line สีชมพูดังภาพข้างล่าง ก่อนหน้านีัผมได้มีโอกาสพาเพื่อนนักลงทุนพิจารณาการฟื้นตัวของหุ้นหลายตัวว่าหุ้นนั้น ๆ สิ้นสุดการพักปรับฐานอย่างแท้จริงหรือยัง โดยดูว่าราคาหุ้นฝ่า supply line ได้แล้ว และเกิดช่องแนวโน้มขาขึ้นแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ทั้งสองประการจึงจะแน่ใจได้ว่า ราคาหุ้นได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว แม้ว่าการเข้าลงทุนหลังเหตุการณ์ทั้งสองจะไม่ได้ราคาต่ำสุด แต่ก็ปลอดภัยกว่าเพราะโอกาสที่หุ้นจะปรับตัวลงไปอีกมีน้อยลงแล้ว จากกราฟในภาพข้างล่างจะเห็นว่า ราคาหุ้น HTECH สามารถฝ่าออกมาอยู่เหนือเส้น supply line สีขมพูได้เมื่อประมาณต้นเดือนมกราคม 2013 และบัดนี้สามารถสังเกตเห็นช่องแนวโน้มขาขึ้นสีเขียวแล้วอย่างชัดเจน จึงถือได้ว่าการพักปรับฐานของ HTECH ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 เดือนได้สิ้นสุดลงแล้ว 



ในกราฟนับจากกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา ผมสังเกตพบว่า HTECH กำลังสร้างกราฟเป็นรูปถ้วยแก้วมีหูจับ ตามเส้นร่างสีส้ม โดยมีระดับปากถ้วยอยู่ที่ 4.75 บาท และก้นถ้วยอยู่ที่ 4.00 บาท ดังน้ันเป้าหมายระยะสั้นของรูปกราฟถ้วยกาแฟมีหูจับนี้จึงชี้ไปที่ 4.75 + (4.75 - 4.00) = 5.50 บาท เป้าหมายนี้ เมื่อเทียบกับราคา 4.50 บาทในปัจจุบันคิดเป็นผลตอนแทนระยะสั้น 5.50 / 4.50 = 22.22% ครับ

Short URL = http://bit.ly/14qM2bL

==============================

ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ + เงินสด + มูลค่าปัจจุบันของ [ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับระหว่างถือหุ้น 10 ปี ]

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

Tuesday, January 29, 2013

SET อยู่ที่ไหนในแนวโน้มขาขึ้นปัจจุบัน

      จากการที่มีนักวิเคราะห์พูดหนาหูมากขึ้นว่า SET จะไป 1,500 ผมเคยโพสต์ไว้ว่า [ SET ต้องข้ามช่องแนวโน้มขึ้นไปให้ได้ก่อน ] เพียงสองสัปดาห์ให้หลัง ในวันนี้ดัชนี SET ไม่เพียงแต่สามารถข้ามขึ้นไปอยู่ในช่องแนวโน้มที่อยู่สูงขึ้นไป แต่ได้ขึ้นไปอยู่กลางช่องแนวโน้มใหม่แล้ว และกำลังมุ่งหน้าไปทดสอบขอบบนของช่องแนวโน้มใหม่นั้น ดังภาพข้างล่าง จากนี้ไปต้องตามดูว่า ดัชนีจะเด้งไปมาในช่องแนวโน้มใหม่นี้ไปเรื่อย ๆ หรือจะทะลุขึ้นไปช่องแนวโน้มที่สูงขึ้นไปอีกครั้งเพื่อขึ้นไปต่อแนวโน้มเดิมที่ค้างเอาไว้ก่อนน้ำท่วมใหญ่ในปี 2011




Short URL = http://bit.ly/WLXmKW

==============================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ + เงินสด + มูลค่าปัจจุบันของ [ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับระหว่างถือหุ้น 10 ปี ]

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

ติดตามกำไรหุ้น CK ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 14 วัน


      ในระหว่างช่วงเริ่มต้นของซุปเปอร์ไซเคิลต้อนรับการอัพเกรดประเทศไทย หุ้นรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ไต่ราคาขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับ CK แม้ว่าจะขึ้นมาประมาณสองเท่าแล้วในรอบสองเดือนที่ผ่านมา แต่ถ้าย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของหุ้นรับเหมา ปรากฏการณ์แบบนี้ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ท่านใดที่ได้เข้าลงทุนตั้งแต่ CK ยังอยู่แถว ๆ 10 บาท ตอนนี้ก็มีหน้าที่ประคองกำไรให้เดินทางไปจนเต็มศักยภาพ ในภาพข้างล่างผมลองวาดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะต่าง ๆ เพื่อดูว่าควรประคองกำไรของหุ้น CK ด้วยเกณฑ์อะไร พบว่า ระหว่างการไต่ราคานั้น หุ้น CK จะหยุดพักเหนื่อยสั้น ๆ เป็นระยะ โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 14 วัน หรือ SMA14D สีเหลือง ตราบใดที่ราคาปิดสิ้นวันยังคงอยู่เหนือเส้นนี้ได้ ก็ยังไม่ต้องทำอะไร แต่หากปิดสิ้นวันต่ำกว่าเส้น SMA14D ก็ต้องทำอะไรบางอย่าง แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของซุปเปอร์ไซเคิล ดังนั้นควรหรือไม่ที่จะขายหุ้น CK ทั้งหมดออกไปถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า SMA14D ? ในความเห็นของผม ผมคิดว่าไม่ควร จุดประสงค์การลงทุนตามแนวโน้มซุปเปอร์ไซเคิลโดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นนี้สมควรที่จะเป็นการสะสมจำนวนหุ้นให้เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามสมควรแก่โอกาส เพราะระหว่างการเดินทางไกลนี้ ราคาหุ้นย่อมจะผันผวน ขึ้นลง หรือพักปรับฐานเป็นธรรมดา การแบ่งเบาความเสียหายระหว่างการพักปรับฐานจึงไม่ควรเป็นการขายหุ้นทั้งหมด แต่ควรเป็นบางส่วนเท่านั้น แล้วการขายบางส่วนที่ว่านี้ ในทางปฏิบัติควรเป็นอย่างไร ? 



     แนวทางหนึ่งที่ทำได้ไม่ยากคือ การแบ่งขายเฉพาะหุ้นที่ซื้อมาด้วยต้นทุนสูงกว่าระดับกึ่งกลางของการไต่ราคาหุ้น ตัวอย่างเช่น ในภาพข้างบน ถ้าสมมุติว่าหุ้น CK ทำจุดสูงสุดที่ประมาณ 22 บาท แล้วลงมาปิดหลุดต่ำกว่าเส้น SMA14D ที่ประมาณ 18 บาท เราอาจจะพิจารณาโดยคาดว่า ราคาหุ้นน่าจะพักปรับฐานลงมา 50% ของการไต่ราคาที่ผ่านมา จาก 9 บาท ขึ้นไป 22 บาท ดังนั้นระดับกึ่งกลางคือ (9 + 22 ) / 2 = 15.50 บาท ในการนี้เราต้องมีบันทึกการลงทุนไว้ล่วงหน้าว่า ซื้อหุ้นที่ราคาใด จำนวนเท่าใด ก็เปิดดูบันทึกหาดูว่า ซื้อหุ้น CK ที่ราคาสูงกว่า 15.50 บาทมาจำนวนเท่าใด ก็ขายส่วนนั้นออกไปทันทีที่ราคาหุ้นปิดต่ำกว่าเส้น SMA14D ในที่นี้สมมุติว่าที่ราคา 18 บาท ดังนั้นเราจะได้กำไรส่วนหนึ่งจากการขายครั้งนี้ เพื่อเก็บเงินส่วนนั้นไว้เข้าใหม่อีกครั้งหลังจากหุ้นจบการพักปรับฐาน ตามปกติการพักปรับฐานของหุ้นในระหว่างแนวโน้มขาขึ้นจะมีเป้าหมายราคาหลัก ๆ อยู่สามระดับ คือ ลง 30% ลง 50% และลง 63% ของ ช่วงราคา 22 - 9 =  13 บาท หรือเป้าหมายหลักอยู่ที่ 9 + (13*0.3) = 12.90 บาท, 9 + (13*0.5) = 15.50 บาท และ 9 + (13*0.63) = 17.20 บาท ตามลำดับ ซึ่งความจริงแล้ว ราคาหุ้นจะปรับลงมาถึงระดับใดเราไม่อาจทราบได้ ดังนั้นจึงใช้ค่ากลาง คือปรับลงมา 50% ของช่วงการวิ่งของราคา คือ 15.50 บาท นั่นเอง
     เมื่อเราได้วางแผนการลงทุนไว้แล้ว อย่าลืมประเมินผลการปฏิบัติด้วยนะครับ เช่น ก่อนขายหุ้นบางส่วนออกไป ควรจดบันทึกจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มี ณ ระดับราคาที่ทำการขายบางส่วน เมื่อหุ้นปรับฐานเสร็จแล้วและเราเอาเงินที่ขายออกไปย้อนกลับไปซื้อที่ราคาต่ำกว่า ตามปกติแล้วควรได้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ให้ติดตามว่าเราได้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ เทียบกับถ้าไม่ขายหุ้นบางส่วนออกมาแต่อดทนไม่ทำอะไรจนการพักปรับฐานผ่านพ้นไป เรียนรู้การลงทุนกับของจริงด้วยตัวเองไปเรื่อย ๆ แบบนี้จะทำให้เราแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ตามประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นครับ

Short URL = http://bit.ly/WybRRu

==============================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ + เงินสด + มูลค่าปัจจุบันของ [ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับระหว่างถือหุ้น 10 ปี ]

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

Friday, January 25, 2013

ใช้แฟนช่วยดูหุ้นสิครับ

      เพื่อนนักลงทุนมี "แฟน" หรือยังครับ ถ้ายังไม่มีให้รีบหา จะได้เอามาใช้ช่วยดูหุ้น แฟนที่ผมกำลังพูดถึงไม่ใช่แฟนที่เป็นคนหรอกครับ แต่คือแฟนที่แปลว่า "พัด" หรือมีชื่ออย่างเป็นทางการในทฤษฎีการดูกราฟหุ้นทางเทคนิคว่า fan lines ซึ่งความจริงแล้วก็เป็นสิ่งเดียวกันกับทฤษฎี Fibonacci retracement ที่ผมเคยนำมาเล่าให้เพื่อนนักลงทุนฟังอยู่บ่อย ๆ นั่นเอง แต่เวลาใช้ประกอบการดูกราฟหุ้นจะง่ายกว่ามาก เพราะไม่ต้องคำนวณอะไรมาก เพียงลากเส้นตรงลงในกราฟให้เป็นรูปพัด ดังภาพข้างล่างซึ่งเป็นกราฟดัชนี SET รายเดือน ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ในกราฟผมเห็นจุดสูงสุดตลอดกาลของ SET อยู่ที่ต้นปี 1994 จากนั้นจึงลงมือลากเส้นตรงสีชมพูจากจุดนี้เชื่อมต่อไปยังจุดสูงสุดต่าง ๆ ในกราฟ แค่นี้เป็นเสร็จพิธีได้กลุ่มเส้นตรงรูปพัดออกมา ง่ายมั๊ยครับ แล้วมันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา เพื่ออธิบายประโยชน์ของ "แฟน" มาพิจารณากันตามลำดับเวลากันครับ



     จากจุดสูงสุดในกราฟทางซ้ายมือ ดัชนี่ปรับลงแล้วเด้งขึ้นไปใหม่แล้วไหลลงต่อ ตรงนี้ลากเส้นตรงเชื่อมต่อจุดสูงสุดเป็นเส้นชมพูที่ 1 (ล่างสุด) เส้นนี้กลายเป็นแนวต้านของดัชนี ซึ่งต่อมาดัชนีพยายามฝ่าเส้นชมพูที่ 1 แต่ก็ไถลลงไปตามเส้นนั้น ต้นปี 1996 ดัชนีพยายามขึ้นมาเป็นครั้งที่สาม แต่ไม่สามารถทำนิวไฮได้ ยอดที่สามนี้เชื่อมกับจุดสูงสุดตลอดกาลได้เป็นเส้นชมพูที่ 2  เมื่อทำนิวไฮไม่ได้ ดัชนีก็ร่วงลงมาหาเส้นชมพูที่ 1 แต่เอาไม่อยู่หลุดเส้นชมพูที่ 1 ลงไป ณ ปลายปี 1996 แถว ๆ 1000 จุด เป็นการยืนยันหายนะวิกฤติต้มยำกุ้ง ดัชนีดิ่งยาวไปถึง 200 จุด ตรงนี้ถ้าเพื่อนนักลงทุนเชื่อแฟนคนแรก ก็คงไม่ปล่อยตามน้ำจาก 1000 จุด ลงไปถึง 200 จุดเพราะนั่นคือการหมดตัวนั่นเอง ไม่เชื่อแฟนก็งี้แหละนะ 
     ต่อมาปลายปี 1999 ดัชนีฟื้นตัวขึ้นมาชนเส้นชมพูที่ 1 แถว ๆ 400 จุด และสามารถผ่านขึ้นไปได้ แต่จะเห็นว่ายังมีอีกด่าน คือแฟนคนที่ 2 ซึ่งอยู่สูงขึ้นไป ดัชนีไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือแฟนคนที่ 2 จนเวลาผ่านไปอีก 4 ปี ปลายปี 2002 ดัชนีออกมายืนเหนือเส้นชมพูที่สองได้อย่างมั่นคง เพราะสามารถอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 30 เดือน หรือ SMA30M สีเหลืองได้ด้วย ในตอนนั้น ถ้ามองขึ้นไปด้านบนจะยังไม่เห็นแฟนคนที่ 3 เพราะยังไม่เกิด ดังนั้นจึงเป็นการยืนยันการสิ้นสุดวิกฤติต้มยำกุ้งอย่างเป็นทางการ แถว ๆ 400 จุด ณ ต้นปี 2003 และในปีนั้น ดัชนีก็พุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็วจนไปทำจุดสูงสุดไว้ที่ 800 จุด ณ ต้นปี 2004 ตรงนี้เองที่เราวาดเส้นสีชมพูที่ 3 ได้ เป็นการเกิดขึ้นของแฟนคนที่ 3
     ดัชนี SET ใช้เวลาอีกสองปีจึงจะสามารถพ้นจากแฟนคนที่สามออกมาได้อย่างชัดเจน ปลายปี 2006 เงินบาทแข็งค่ามาก หม่อมอุ๋ยให้ยาแรงทำให้ดัชนีร่วงแรงลงมาหยุดอยู่ที่แฟนคนที่ 3 แต่ยาแรงของหม่อมอุ๋ยมันแรงไปจึงต้องยกเลิกในไม่กี่วันถัดมา จากนั้นดัชนีจึงพุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดอีกครั้งทำให้เราได้แฟนคนที่ 4 แถว ๆ 900 จุด ณ ปลายปี 2007 ต้นรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ในปี 2008 วิกฤติซับไพรม์ระเบิดขึ้น ดัชนีหลุดเส้น SMA30M แล้วดิ่งลงไปหาแฟนคนเดิมคือ เส้นชมพูที่ 3 แถว ๆ 400 จุด เมื่อปลายปี 2008 ปรากฎว่า แฟนคนที่ 3 รับเอาไว้ได้ การมีแฟนหลายคนก็ดีอย่างนี้แหละครับ 
     เพื่อนนักลงทุนคงเห็นความสำคัญของแฟนคนที่ 3 แล้วนะครับ แต่จริง ๆ แล้วแฟนคนที่ 2 และคนที่ 1 ก็มีส่วนช่วยด้วย เพราะทั้งสองคนได้ช่วยเพิ่มความสำคัญให้ระดับดัชนี 400 จุดมาแล้วในอดีต กล่าวคือ หลังจุดร้ายแรงสุดระหว่างวิกฤติต้มยำกุ้ง ดัชนีขึ้นมาชนแฟนคนที่ 1 แถว ๆ 400 จุด และหลังจากนั้นจึงออกข้างมาชนแฟนคนที่สองแถว ๆ 400 จุดเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าแฟนคนไหน ก็มีส่วนช่วยเราได้ทั้งสิ้น ใครที่เชื่่อแฟนคนที่สาม ก็คงจะไม่กลัวมากจนเกินไปที่จะเริ่มกล้าเข้าเก็บหุ้นในช่วงต้นปี 2009 ในขณะที่คนส่วนใหญ่ยังคงขนหัวลุกกันอยู่ 
     หลังจากแฟนคนที่ 3 ได้ช่วยให้เรามองเห็นจุดต่ำสุดของวิกฤติซับไพรม์แล้ว ดัชนีได้พุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็วพร้อมกันการเกิดขึ้นของเศรษฐีใหม่ นักลงทุน VI หนุ่มสาวหลายราย และดัชนีสามารถผ่านเส้นชมพูที่ 4 ขึ้นไปได้แถว ๆ 800 จุด จากตรงนี้ไป มองขึ้นไปด้านบนในตอนนั้น แฟนคนถัดไปยังไม่เกิด ก็ค่อนข้างมั่นใจได้ว่า การผ่านแฟนคนที่ 4 ขึ้นมาได้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของดัชนีต่อเนื่องไปอีกจนกว่าจะพบแฟนคนใหม่ ซึ่งดัชนีก็ได้เพิ่มขี้นเรื่อย ๆ ตลอด 1 ปีต่อมา และได้สร้างจุดสูงสุดอีกครั้งแถว 1150 จุดเมื่อกลางปี 2011 เกิดเป็นเส้นชมพูที่ 5 แฟนคนนี้เกิดมาพร้อมกับมหาอุทกภัย ดังนั้นดัชนีจึงดิ่งลงไป จนชนกับเส้น SMA30M สีเหลือง ก่อนจะฟื้นตัวอีกครั้งและผ่านแฟนคนที่ 5 ขึ้นไปได้ในช่วงต้นปี 2012 
     หลังจากนั้นอีกเล็กน้อยก็เกิดเส้นชมพูที่ 6 แถว ๆ เหนือ 1200 จุดเล็กน้อย การปรับลงของดัชนีช่วงนั้นได้ใช้แฟนคนที่ 5 ซึ่งอยู่ต่ำลงไปเพียงเล็กน้อยเป็นจุดเด้งกลับ สองสามเดือนต่อมา ดัชนีก็ผ่านแฟนคนที่ 6 ขึ้นมาได้ และได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาถึง 1450 จุดในปัจจุบัน ขณะนี้แฟนคนที่ 7 ยังไม่เกิด และไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ แต่มีความเป็นไปได้มากว่า มีอยู่คนหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นมาแถว ๆ 1750 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดตลอดกาลต้นกำเนิดของแฟนทั้ง 6 คนที่ผ่านมานั่นเองครับ เมื่อใดที่ดัชนีขึ้นไปถึงระดับนั้นได้ มองในภาพข้างบนจะเห็นว่า ดัชนีจะเกิดรูปกราฟเป็นถ้วยแก้วที่มีระดับปากถ้วยอยู่ที่แถว ๆ 1750 จุด ถ้าเกิดแบบนั้นแล้ว ดัชนีมีทางเลือกว่า จะผ่านระดับปากถ้วยขึ้นไปเลยเพื่อเสาะหาแฟนใหม่ที่จะเกิดขึ้นเหนือขึ้นไป หรืออาจจะย้อยลงมาสร้างหูจับของถ้วยแก้ว โดยกลับไปหาแฟนเก่าคนใดคนหนึ่งก่อนค่อยย้อนกลับขึ้นไปใหม่ จะเป็นแบบไหนต้องตามดูต่อไป ครับ จากที่ผมเล่ามายืดยาว เพื่อนนักลงทุนคงได้เห็นแนวทางว่า ท่านจะ "ใช้แฟนให้ช่วยดูหุ้น" ได้อย่างไรบ้างแล้วนะครับ 

Short URL = http://bit.ly/VmufBW

==============================

ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ + เงินสด + มูลค่าปัจจุบันของ [ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับระหว่างถือหุ้น 10 ปี ]

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

Thursday, January 24, 2013

ภาพระยะกลางของ SET ผ่าน Fibonacci retracement ผลการฟื้นตัวจากวิกฤติซับไพรม์ 380.05 ถึง 1148.28 จุด

     ผมพิจารณาความเป็นไปของดัชนี SET ในภาพระยะกลาง เพื่อดูพฤติกรรมการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยหลังจากการทำจุดต่ำสุดในวิกฤติซับไพรม์ ระหว่างจุดต่ำสุดของ SET 380.05 จุด ไปจนถึงจุดสูงสุด 1,148.28 จุด ผลการฟื้นตัวจากวิกฤตในรอบนั้น จะมีระดับการพักปรับฐานตามทฤษฎี Fibonacci retracement อย่างไรบ้าง ทั้งในแง่การพักปรับฐานลงต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม และการฟื้นตัวขึ้นไปใหม่หลังจากการปรับฐานแล้ว เริ่มจากพิจารณากราฟของ SET ในช่วงการฟื้นตัวดังรูปข้างล่าง ซึ่งการฟื้นตัวระยะกลางดังกล่าวแสดงโดยลูกศรยาวสีเขียว



SET ฟื้นตัวขึ้นจาก 380.05 จุด ไป 1148.28 จุด แล้วฟื้นพักปรับฐานลงมา

Fibonacci Ratio ได้แก่


+17.944 , +11.090 , +6.854 , +4.236 , +3.330 , +2.618 , +2.058 , +1.618 , +1.272 , +1.000 , +0.786 , +0.618 , +0.486 , +0.382 , +0.300 , +0.236 , +0.146 , 0.000 , -0.146 , -0.236 , -0.300 , -0.382 , -0.486 , -0.618 , -0.786 , -1.000 , -1.272 , -1.618 , -2.058 , -2.618 , -3.330 , -4.236 , -6.854 , -11.090 , -17.944


Begin = 380.05

End = 1,148.28
Difference = 768.23

Targets = End + [ Difference x Fibonacci ratio ]
= 1,148.28+ ( 768.23 x 17.944 ) = 1,794 % = 14,933.40
= 1,148.28+ ( 768.23 x 11.090 ) = 1,109 % = 9,667.95
= 1,148.28+ ( 768.23 x 6.854 ) = 685 % = 6,413.73
= 1,148.28+ ( 768.23 x 4.236 ) = 424 % = 4,402.50
= 1,148.28+ ( 768.23 x 3.330 ) = 333 % = 3,706.49
= 1,148.28+ ( 768.23 x 2.618 ) = 262 % = 3,159.51
= 1,148.28+ ( 768.23 x 2.058 ) = 206 % = 2,729.30
= 1,148.28+ ( 768.23 x 1.618 ) = 162 % = 2,391.28
= 1,148.28+ ( 768.23 x 1.272 ) = 127 % = 2,125.47
= 1,148.28+ ( 768.23 x 1.000 ) = 100 % = 1,916.51
= 1,148.28+ ( 768.23 x 0.786 ) = 79 % = 1,752.11
= 1,148.28+ ( 768.23 x 0.618 ) = 62 % = 1,623.05
= 1,148.28+ ( 768.23 x 0.486 ) = 49 % = 1,521.64
= 1,148.28+ ( 768.23 x 0.382 ) = 38 % = 1,441.74
= 1,148.28+ ( 768.23 x 0.300 ) = 30 % = 1,378.75
= 1,148.28+ ( 768.23 x 0.236 ) = 24 % = 1,329.58
= 1,148.28+ ( 768.23 x 0.146 ) = 15 % = 1,260.44
= 1,148.28+ ( 768.23 x 0.000 ) = 0 % = 1,148.28
= 1,148.28+ ( 768.23 x -0.146 ) = -15 % = 1,036.12
= 1,148.28+ ( 768.23 x -0.236 ) = -24 % = 966.98
= 1,148.28+ ( 768.23 x -0.300 ) = -30 % = 917.81
= 1,148.28+ ( 768.23 x -0.382 ) = -38 % = 854.82
= 1,148.28+ ( 768.23 x -0.486 ) = -49 % = 774.92
= 1,148.28+ ( 768.23 x -0.618 ) = -62 % = 673.51
= 1,148.28+ ( 768.23 x -0.786 ) = -79 % = 544.45
= 1,148.28+ ( 768.23 x -1.000 ) = -100 % = 380.05

หลังจากพักปรับฐานจาก 1,148.28 จุด ลงมาที่ 843.69 จุด แล้ว ดัชนีได้ฟื้นตัวผ่านจุดจุดสูงสุดเดิม ขึ้นไปได้ จนในปัจจุบันดัชนี SET อยู่ระหว่าง 1,378.75 จุด และ 1,441.74 จุด ครับ

Short URL = http://bit.ly/14c2LPT


==============================

ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ + เงินสด + มูลค่าปัจจุบันของ [ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับระหว่างถือหุ้น 10 ปี ]

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

ข้อพิจารณาเป้าหมายการฟื้นตัวของหุ้น SALEE ตามทฤษฎี Fibonacci retracement หลังปรับลงจาก 11.40 ไป 7.75 บาท


     ผมพิจารณาความเป็นไปของราคาหุ้น SALEE โดยย้อนกลับไปดูตั้งแต่การปรับตัวลงครั้งล่าสุดจาก 11.40 บาท ลงไปทำจุดต่ำสุด 7.75 บาท แล้วฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ประมาณ 12 บาทในปัจจุบัน ดังภาพข้างล่าง เพื่อดูว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นมีแนวโน้มจะเป็นอย่างไรต่อไป ตามทฤษฎี Fibonacci retracement



SALEE ปรับตัวลงจาก 11.40 บาท ไป 7.75 บาท แล้วฟื้นตัวขึ้นไป

Fibonacci Ratio ได้แก่


+17.944 , +11.090 , +6.854 , +4.236 , +3.330 , +2.618 , +2.058 , +1.618 , +1.272 , +1.000 , +0.786 , +0.618 , +0.486 , +0.382 , +0.300 , +0.236 , +0.146 , 0.000 , -0.146 , -0.236 , -0.300 , -0.382 , -0.486 , -0.618 , -0.786 , -1.000 , -1.272 , -1.618 , -2.058 , -2.618 , -3.330 , -4.236 , -6.854 , -11.090 , -17.944



Begin = 11.40
End = 7.75
Difference = 3.65

Targets = End + [ Difference x Fibonacci ratio ] 

= 7.75 + ( 3.65 x 17.944 ) = 1,794 % = 73.25
= 7.75 + ( 3.65 x 11.090 ) = 1,109 % = 48.23
= 7.75 + ( 3.65 x 6.854 ) = 685 % = 32.77
= 7.75 + ( 3.65 x 4.236 ) = 424 % = 23.21
= 7.75 + ( 3.65 x 3.330 ) = 333 % = 19.90
= 7.75 + ( 3.65 x 2.618 ) = 262 % = 17.31
= 7.75 + ( 3.65 x 2.058 ) = 206 % = 15.26
= 7.75 + ( 3.65 x 1.618 ) = 162 % = 13.66
= 7.75 + ( 3.65 x 1.272 ) = 127 % = 12.39
= 7.75 + ( 3.65 x 1.000 ) = 100 % = 11.40
= 7.75 + ( 3.65 x 0.786 ) = 79 % = 10.62
= 7.75 + ( 3.65 x 0.618 ) = 62 % = 10.01
= 7.75 + ( 3.65 x 0.486 ) = 49 % = 9.52
= 7.75 + ( 3.65 x 0.382 ) = 38 % = 9.14
= 7.75 + ( 3.65 x 0.300 ) = 30 % = 8.85
= 7.75 + ( 3.65 x 0.236 ) = 24 % = 8.61
= 7.75 + ( 3.65 x 0.146 ) = 15 % = 8.28
= 7.75 + ( 3.65 x 0.000 ) = 0 % = 7.75
= 7.75 + ( 3.65 x -0.146 ) = -15 % = 7.22
= 7.75 + ( 3.65 x -0.236 ) = -24 % = 6.89
= 7.75 + ( 3.65 x -0.300 ) = -30 % = 6.66
= 7.75 + ( 3.65 x -0.382 ) = -38 % = 6.36
= 7.75 + ( 3.65 x -0.486 ) = -49 % = 5.98
= 7.75 + ( 3.65 x -0.618 ) = -62 % = 5.49
= 7.75 + ( 3.65 x -0.786 ) = -79 % = 4.88
= 7.75 + ( 3.65 x -1.000 ) = -100 % = 4.10
= 7.75 + ( 3.65 x -1.272 ) = -127 % = 3.11
= 7.75 + ( 3.65 x -1.618 ) = -162 % = 1.84
= 7.75 + ( 3.65 x -2.058 ) = -206 % = 0.24


การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น SALEE 
23 ม.ค. 2013 อยู่ในกรอบ 11.40 - 12.39 บาท 
13 ก.พ. 2013 อยู่ในกรอบ 13.66 - 12.39 บาท 

Short URL = http://bit.ly/147zXsH


==============================

ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ + เงินสด + มูลค่าปัจจุบันของ [ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับระหว่างถือหุ้น 10 ปี ]

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

หุ้น STPI พักปรับฐานเล็กลงไปที่เป้าหมาย Fibonacci ที่ใดได้บ้าง ?

     หลังจากที่วิ่งหน้าตั้งเกือบสี่เด้งจากราคา 23.80 บาท ไปทำจุดสูงสุดที่ 81.28 บาท ดังแสดงด้วยลูกศรยาวสีเขียวในภาพข้างล่าง บัดนี้ หุ้น STPI แอบหยุดหายใจบ้างแล้ว โดยการลดลงมาสิบกว่าจุด ผมใช้ทฤษฎี Fibonacci retracement เพื่อดูว่าการนั่งพักงวดนี้มีเป้าหมายอยู่ที่ใดได้บ้าง




STPI วิ่งยาวจาก 23.80 บาท ขึ้นไปถึง 81.25 บาท แล้วพักปรับฐานลงมา

Fibonacci Ratio ได้แก่


+17.944 , +11.090 , +6.854 , +4.236 , +3.330 , +2.618 , +2.058 , +1.618 , +1.272 , +1.000 , +0.786 , +0.618 , +0.486 , +0.382 , +0.300 , +0.236 , +0.146 , 0.000 , -0.146 , -0.236 , -0.300 , -0.382 , -0.486 , -0.618 , -0.786 , -1.000 , -1.272 , -1.618 , -2.058 , -2.618 , -3.330 , -4.236 , -6.854 , -11.090 , -17.944



Begin = 23.80
End = 81.25
Difference = 57.45

Targets = End + [ Difference x Fibonacci ratio ] 
= 81.25 + ( 57.45 x 2.618 ) = 262 % = 231.65
= 81.25 + ( 57.45 x 2.058 ) = 206 % = 199.48
= 81.25 + ( 57.45 x 1.618 ) = 162 % = 174.20
= 81.25 + ( 57.45 x 1.272 ) = 127 % = 154.33
= 81.25 + ( 57.45 x 1.000 ) = 100 % = 138.70
= 81.25 + ( 57.45 x 0.786 ) = 79 % = 126.41
= 81.25 + ( 57.45 x 0.618 ) = 62 % = 116.75
= 81.25 + ( 57.45 x 0.486 ) = 49 % = 109.17
= 81.25 + ( 57.45 x 0.382 ) = 38 % = 103.20
= 81.25 + ( 57.45 x 0.300 ) = 30 % = 98.49
= 81.25 + ( 57.45 x 0.236 ) = 24 % = 94.81
= 81.25 + ( 57.45 x 0.146 ) = 15 % = 89.64
= 81.25 + ( 57.45 x 0.000 ) = 0 % = 81.25
= 81.25 + ( 57.45 x -0.146 ) = -15 % = 72.86
= 81.25 + ( 57.45 x -0.236 ) = -24 % = 67.69
= 81.25 + ( 57.45 x -0.300 ) = -30 % = 64.02
= 81.25 + ( 57.45 x -0.382 ) = -38 % = 59.30
= 81.25 + ( 57.45 x -0.486 ) = -49 % = 53.33
= 81.25 + ( 57.45 x -0.618 ) = -62 % = 45.75
= 81.25 + ( 57.45 x -0.786 ) = -79 % = 36.09
= 81.25 + ( 57.45 x -1.000 ) = -100 % = 23.80
= 81.25 + ( 57.45 x -1.272 ) = -127 % = 8.17


ในระหว่างวันของวันที่ 23 ม.ค. 2013 ราคาหุ้นปรับลงมาต่ำสุด ที่ 67.50 บาท ประมาณระดับเป้าหมาย Fibonacci -24% (อักษรพื้นแดง) จากกราฟข้างบนจะเห็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 42 วัน SMA42D สีเหลือง กำลังมีค่าเท่ากับ 65.61 บาท ใกล้เคียงกับเป้าหมาย Fibonacci -30% (อักษรพื้นส้ม) แต่เราไม่อาจทราบได้ว่าราคาหุ้นจะลงไปถึงระดับเป้าหมายใด เพราะเป็นไปได้ทั้งนั้น ที่ทำได้คือ ต้องตามดูต่อไปว่าราคาหุ้นจะปรับลง 24% หรือ 30% หรือ 38% หรือมากกว่านั้น ถ้าราคาหุ้นรายวันยังปิดเหนือเส้น SMA42D อยู่ได้ ก็ควรให้โอกาสเงินทำงาน อย่าเพิ่งขายหมูออกมาอย่างที่ผมเคยทำตอนที่ [ หุ้นขึ้นมาถึงแค่ 39 บาท ] นะครับ แต่ก่อนคนเรายังโง่ ยังไม่รู้จักวิธี [ รักษาสมดุลระหว่างการให้โอกาสเงินทำงานกับการปกป้องเงินทุน ] ครับ

Short URL = 
http://bit.ly/10vYx1U

==============================

ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ + เงินสด + มูลค่าปัจจุบันของ [ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับระหว่างถือหุ้น 10 ปี ]

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"