การเปลี่ยนแนวโน้มหลักของตลาดหุ้นทั่วโลก ที่เริ่มเด่นชัดขึ้นเมื่อปลายเดือนกันยายน 2011 เปรียบเสมือนการเปลี่ยนเข้าสู่ยุคแห่งความทุกข์เข็ญอีกคำรบหนึ่ง กิจการใดก็ตามแม้ว่าจะยังคงมีผลประกอบการดี แต่ราคาหุ้นของกิจการก็จะไม่สามารถฝืนบรรยากาศการลงทุนหลักของโลกไปได้ เนื่องจากผู้เล่นในทุกตลาดคือ คน มีอารมณ์ความรู้สึก ถูกความโลภและความกลัวครอบงำได้ตลอดเวลา ในยุคใหม่ซึ่งไม่รู้ว่าจะยาวนานเพียงใดนี้ ผู้คนในตลาดต่างก็มีความกลัว ผู้คนจะตัดสินใจการลงทุนอย่างไร้เหตุผล อารมณ์กลัวนี้จะพัฒนาเพิ่มขนาดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด แล้วตลาดจะเริ่มกลับตัวท่ามกลางซากปรักหักพัง และเริ่มเข้าสู่ยุคแห่งความรุ่งเรืองต่อไป เมื่อบรรยากาศได้เคลื่อนเข้าสู่ยุคแห่งความทุกข์เข็ญเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นอันว่ายากยิ่งนักที่หุ้นในดวงใจ หุ้นดี หุ้นเด็ด หุ้นคุณค่า ของเราจะฝืนชะตาฟ้าไปได้ หุ้น IVL ก็เช่นกัน ไม่สามารถฝืนสภาวะอากาศแปรปรวนในปัจจุบันนี้ไปได้ หลังจากราคาหุ้น IVL ได้หลุดจากแนวรับสำคัญคือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 สัปดาห์ (เส้นสีน้ำเงินในกราฟข้างล่าง)
ลางแห่งความเป็นไปตามยุคเข็ญก็เริ่มเด่นชัด และเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 25 สัปดาห์ (เส้นสีแดงในกราฟข้างล่าง) ได้ตัดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 สัปดาห์ในทิศทางลง (ลูกศรชี้สีส้ม) ก็เป็นอันยืนยันได้เลยว่า IVL เข้าสู่ภาวะไม่ปกติเรียบร้อยแล้ว เป็นภาวะไม่ปกติทั้ง ๆ ที่ปัจจัยพื้นฐานตามผลประกอบการยังคงดีเยี่ยมทุกอย่าง
ในสถานการณ์เช่นนี้ นักลงทุนมีทางเลือกอย่างไรบ้าง คำตอบมีหลายแบบครับ
- แบบที่ 1 คนที่มีหุ้นอยู่แล้วอาจจะไม่ทำอะไรเลย รอให้ราคาหุ้นของ IVL ลงไปตามบรรยากาศฟ้า ให้เลวร้ายถึงที่สุด แล้วย้อนกลับขึ้นมาที่เดิม และเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อยุคแห่งความรุ่งเรืองกลับมาอีกครั้ง
- แบบที่ 2 คนที่มีหุ้นอยู่แล้วอาจจะขาย IVL ทั้งหมดออกไป เพื่อถือเงินสด รอให้ราคาหุ้นของ IVL ลงไปตามบรรยากาศฟ้า ให้เลวร้ายถึงที่สุด เมื่อราคาหุ้นเริ่มย้อนกลับขึ้นมา จึงเข้าลงทุนใหม่ด้วยเงินสดที่กำเอาไว้ ปล่อยให้บรรยากาศฟ้ายุครุ่งเรือง พัดพาราคาหุ้น IVL ขึ้นไป แล้วจึงขายทำกำไร ณ ราคาที่น่าพอใจของแต่ละคน
- แบบที่ 3 คนที่ไม่มีหุ้น ทยอยเข้าเก็บหุ้นไปเรื่อย ๆ ตามรายทางที่ราคาหุ้น IVL ร่วงลงไป และเก็บเพิ่มอีกเมื่อราคาของหุ้นฟื้นตัวไต่ระดับขึ้นไปตามบรรยากาศฟ้ายุครุ่งเรือง แล้วจึงขายทำกำไร ณ ราคาที่น่าพอใจของแต่ละคน
- แบบที่ 4 คนที่ไม่มีหุ้น ไม่รีบเข้าลงทุนแต่รอให้ราคาหุ้น IVL ร่วงลงไปถึงจุดเลวร้ายที่สุดก่อน เมื่อราคาหุ้นเริ่มฟื้นขึ้นมาใหม่ จึงเข้าลงทุน และซื้อเพิ่มอีกเมื่อราคาของหุ้นฟื้นตัวไต่ระดับขึ้นไปตามบรรยากาศฟ้ายุครุ่งเรือง แล้วจึงขายทำกำไร ณ ราคาที่น่าพอใจของแต่ละคน
เพื่อน ๆ นักลงทุนจะเลือกแบบใดเป็นไปตามอัธยาศัยครับ คำถามต่อไปมีว่า แล้วราคาหุ้นของ IVL จะลงไปถึงจุดเลวร้ายที่สุดตรงไหน ? คำตอบคือ ไม่มีใครรู้แน่หรอกครับว่าจะลงไปถึงไหน แต่ถ้าอาศัยทฤษฎีการลงทุน ก็พอจะสะกดออกมาเป็นระดับความเลวร้ายได้เป็นขั้น ๆ ไปครับ แนวแห่งความเลวร้ายที่ราคาหุ้นอาจจะถอยร่นลงไปได้นี้ ผมขอตั้งชื่อว่า "แนวรบด้านทิศใต้ของ IVL (The southern fronts of IVL)" เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจเพื่อน ๆ ว่าเราได้เข้าสู่ภาวะสงครามทางการเงินเรียบร้อยแล้วนั่นเองครับ
กราฟรายสัปดาห์
เนื่องจากหุ้น IVL มีประวัติในตลาดค่อนข้างสั้น ดังนั้นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 สัปดาห์ (2 ปี) และ 200 สัปดาห์ (4 ปี) จึงยังไม่ปรากฎขึ้นในกราฟ เมื่อราคาหุ้นได้หลุดแนวเส้นค่าเฉลี่ย 50 สัปดาห์ลงมาแล้ว เราจึงไม่สามารถใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 สัปดาห์ และ 200 สัปดาห์ เพื่อหาแนวรบด้านทิศใต้แนวถัดไปของ IVL ได้ จึงเหลือเพียงการใช้ทฤษฎีการปรับฐานตามตัวเลขไฟโบนัคชี่ (Fibonacci Retracement) เท่านั้น เลขไฟโบนัคชี่ได้แก่ 0.382 0.500 0.618 1.000 1.382 1.618 ตัวเลขเหล่านี้แสดงสัดส่วนขนาดการปรับตัวของราคาหุ้น เป็นจำนวนเท่าของความสูงในการไต่ราคาหุ้นในรอบที่แล้ว จากในกราฟ การไต่ราคาของ IVL ในรอบที่เพิ่งสิ้นสุดลง เริ่มจากจุดต่ำสุดที่ 14.20 บาท เมื่อต้นปี 2010 และไปจบลงที่จุดสูงสุด ที่ 61.50 บาท เมื่อปลายปี 2010 คิดเป็นความสูง 61.50 - 14.20 = 47.30 บาท ดังนั้นการปรับฐานลงของราคาหุ้น IVL จากจุดสูงสุดจึงมีโอกาสปรับตัวลงด้วยความสูง (0.382)*(47.30) = 18.07 บาท หรือ (0.500)*(47.30) = 23.65 บาท หรือ (0.618)*(47.30) = 29.23 บาท หรือ (1.000)*(47.30) = 47.30 บาท เมื่อหักความสูงดังกล่าว ออกจากยอดสูงสุดของราคาหุ้น IVL จะได้แนวรบด้านทิศใต้ที่ IVL มีโอกาสถอยร่นลงไปถึง ได้แก่ 61.50 - 18.07 = 43.43 บาท หรือ 61.50 - 23.65 = 37.85 บาท หรือ 61.50 - 29.23 = 32.27 บาท หรือ 61.50 - 47.30 = 14.20 บาท สรุปจากการประเมินตามแนวทางนี้ แนวรบด้านทิศใต้ของ IVL คือ 43.43 => 37.85 => 32.27 => 14.20 ณ เวลานี้ ราคาหุ้นของ IVL กำลังอยู่ที่ประมาณ 23.90 บาท ถอยร่นผ่านลงมาทุกแนวแล้ว เหลือเพียงแนวรบสุดท้ายที่ 14.20 บาท ครับ
ในแง่ของสัญญาณ MACD พบว่า เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2011 (ลูกศรชี้สีส้ม) สัญญาณ MACD ได้ผ่านลงมาด้านลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่หุ้นเข้าตลาด
ในแง่ของสัญญาณ RSI พบว่า สัญญาณได้ลงมาเข้าเขต "ขายมากเกินไป" เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราไม่ทราบว่า RSI จะอยู่ในเขตนี้อีกนานเพียงใด
ในกราฟข้างบน บริเวณที่ราคาหุ้น IVL ทำจุดสูงสุด ผมได้วาดเส้นให้เห็นว่า จุดนี้เป็นไปตามคำกล่าวที่ว่า ขณะที่ราคาหุ้นวิ่งไต่ระดับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ถ้าเกิด "วอลลุ่ม พีค คือ ราคา พีค" ขึ้น มีโอกาสว่า จุดนั้นเป็นจุดหมดรอบ และเราควรขายทำกำไร (ที่จุดนี้ ความโลภจะบังตาไม่ให้นักลงทุนส่วนมากขายทำกำไรออกมา แต่กลับซื้อเพิ่ม !)
กราฟรายเดือน
กราฟข้างบนเป็นกราฟรายเดือน จะเห็นว่า ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เลยผ่านเส้นกึ่งกลางของแถบบอลลิงเกอร์ลงมา ขณะนี้ (ราคาหุ้น 23.90 บาท) ได้ลงมาถึงบริเวณเส้นขอบล่างของแถบบอลลิงเกอร์แล้ว สัญญาณ MACD เกิดการตัดกันแบบขาลง (ลูกศรชี้สีเหลือง) และแท่งฮิสโตแกรมของ MACD เปลี่ยนเป็นด้านลบเป็นครั้งแรกนับแต่หุ้นเข้าตลาด อย่างไรก็ตาม สัญญาณ RSI เพิ่งจะลดลงมาแตะระดับ 50% หุ้น IVL ตามกราฟรายเดือนยังไม่เคยเข้าสู่เขต "ขายมากเกินไป" เลยครับ
=============================================
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
facebook.com/thstockinvest
twitter.com/thstockinvest
gplus.to/thstockinvest
เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา "
ชำแหละพื้นฐานหุ้น"
เก็บความรู้ลงกล่อง "
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา"
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา"
