Saturday, December 31, 2011

ชำแหละงบการเงินของหุ้น PTL แล้วประเมินมูลค่าหุ้นที่แท้จริงแบบอนุรักษ์นิยม

จากข้อมูลปัจจัยพื้นฐานของหุ้น PTL ที่ผมได้ทยอยโพสต์แชร์เพื่อนนักลงทุนไปแล้วนั้น เพื่อน ๆ คงได้เห็นภาพเกี่ยวกับ PTL มาพอสมควรแล้ว ต่อไปเราจะเอาข้อมูลที่ชำแหละออกมาจากงบการเงิน มาหาดูว่า กิจการ PTL ควรมีมูลค่ามากน้อยเพียงใด ในโพสต์นี้ผมจะเริ่มจากแนวการหามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานแบบอนุรักษ์นิยม (ที่ใช้โดยวอร์เรน บัฟเฟตต์ และโมห์นิศ  ปะไพร) ข้อมูลที่ต้องเตรียม คือ กำไรของผู้ถือหุ้นแบบสะสมของกิจการย้อนหลังมากที่สุดที่จะทำได้ ในกรณีนี้สามารถย้อนหลังกลับไปได้ไกลที่สุดถึงปี 2008 ดังตารางข้างล่างครับ



เนื่องจาก PTL เริ่มการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และเริ่มเปิดเผยงบการเงินรายไตรมาสอย่างครบถ้วนในปี 2008 ดังนั้นข้อมูลที่นำมาใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้นที่แท้จริงจึงจะเริ่มจากปี 2008 มาจนถึงสิ้นไตรมาส 2011Q3 ในรอบระยะเวลา 3.5 ปี กิจการ PTL มีกำไรของผู้ถือหุ้นเกิดขึ้นทั้งสิ้น 3.48 - (-3.33) = 6.81 บาทต่อหุ้น หรือมีกำไรของผู้ถือหุ้นเกิดขึ้นเฉลี่ยปีละ 1.95 บาทต่อหุ้น สมมุติว่าเราคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างน้อยที่สุด 9% และใน 10 ปี ข้างหน้า กิจการ PTL สร้างกำไรของผู้ถือหุ้นเท่ากันทุกปี ปีละ 1.95 บาทต่อหุ้น เนื่องจากเงินในอนาคตมีมูลค่าลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้น กำไรที่เกิดขึ้นในแต่ละปีในอนาคตจึงคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันได้ไม่เท่ากัน การหามูลค่าเงินในอนาคตย้อนกลับมาเป็นมูลค่าในปัจจุบันทำได้โดยการหารเงินในอนาคตด้วย 1.09 เป็นจำนวนครั้งเท่ากับจำนวนปีที่เงินนั้นคิดย้อนกลับมาถึงปัจจุบัน เช่น กำไรของผู้ถือหุ้น 1.95 บาท ที่เกิดในปีที่ 3 ในอนาคตจะมีค่าในปัจจุบันเท่ากับ 1.95/1.09/1.09/1.09 = 1.50 บาท เป็นต้น ดังนั้นเงินกำไรของผู้ถือหุ้นที่เกิดขึ้นทั้งสิ้นตลอด 10 ปีข้างหน้าจึงมีค่ารวม 12.49 บาทในปัจจุบัน สมมุติว่า เราต้องการถือหุ้นเพียง 10 ปี เมื่อครบกำหนดเราจะขายหุ้นทั้งหมดออกไป ณ สิ้นปีที่ 10 ด้วยราคา 10 - 15 เท่าของกำไรของผู้ถือหุ้นซึ่งเกิดขึ้นในปีสุดท้ายนั้น (0.82 บาทต่อหุ้น) ดังนั้นจะได้ราคาขายกิจการทั้งหมดออกไปคิดลดย้อนกลับมาเป็นราคาในปัจจุบันเท่ากับ 10*0.82 = 8.22 บาท ถึง 15*0.82 = 12.33 บาท เมื่อรวมเงินที่ได้จากการขายกิจการกับเงินกำไรของผู้ถือหุ้นเข้าด้วยกันจะได้มูลค่าหุ้นที่ควรจะเป็นของ PTL ในช่วง 12.49+8.22 = 20.70 บาท ถึง 12.49+12.33  = 24.81 บาท 



ในการเข้าลงทุน เราควรมีส่วนเผื่อความปลอดภัยอย่างน้อย 50% ของราคาหุ้นที่ควรจะเป็น ดังนั้นตามหลักการแบบอนุรักษณ์นิยมสุดขั้ว เราไม่ควรซื้อหุ้น PTL ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ชั่วคราวอะไรที่ทำให้ราคาหุ้นลดลงไปอยู่ในช่วง 10.35 ถึง 12.41 บาท ครับ ถ้าดูราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2011 ซึ่งปิดที่ 14.90 บาท ก็นับใกล้ระดับความเสี่ยงต่ำแบบอนุรักษ์นิยมเต็มทนแล้วครับ ถ้าเพื่อนนักลงทุนลองย้อนไปดูข้อมูลราคาหุ้นในช่วงที่ตลาดเกิด panic sell ปลายเดือนกันยายน 2011 จะพบว่า ราคาหุ้น PTL เคยดิ่งลงไปแตะ 11.10 บาทแล้วเด้งกลับขึ้นมา ครับ

=============================================
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

ประเมินความน่าลงทุนหุ้น PTL อย่างง่าย ด้วยข้อมูลจากการชำแหละงบการเงิน ถึง 2011Q3

ผมชำแหละพื้นฐานหุ้น PTL แล้วประเมินความน่าลงทุนด้วยการเปรียบเทียบราคาหุ้นกับปัจจัยพื้นฐานอย่างง่าย ได้แก่ กำไรสุทธิต่อหุ้น 12 เดือนล่าสุด มูลค่าหุ้นทางบัญชี ราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี ราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ กำไรสุทธิต่อราคาหุุ้น และผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 12 เดือนล่าสุด ครับ




ณ วันสิ้นสุดไตรมาส 2011Q3 หุ้น PTL มีกำไรสุทธิ 12 เดือนล่าสุด 4.57 บาทต่อหุ้น มีมูลค่าทางบัญชี 10.00 บาทต่อหุ้น มีผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 12 เดือนล่าสุด 4.57/10.00 = 45.7%

ในวันที่ 30 ธ.ค. 2011 ราคาหุ้น PTL ปิดที่ 14.90 บาท คิดเป็นราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี 14.90/10.00 = 1.49 เท่า ราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ 14.90/4.57 = 3.26 เท่า และกำไรสุทธิคิดเป็น 4.57/14.90 = 30.67% ของราคาหุ้น 

ผมคิดว่าการซื้อหุ้นในราคาปัจจุบันมีความเสี่ยงต่ำแล้วครับ แต่ซื้อแล้วราคาหุ้นจะวิ่งอีกเมื่อไหร่ ต้องดูภาพรวมทางเศรษฐกิจ ราคาและ demand/supply ของฟิล์ม PET ครับ โมห์นิศ ปะไพร แนะนำว่า ถ้าเข้าซื้อหุ้นด้วยความเสี่ยงต่ำคือขณะราคาหุ้นต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าที่แท้จริงแล้ว ตามประสบการณ์ของเขาราคาหุ้นจะขึ้นมาถึงระดับ 90% ของมูลค่าที่แท้จริงภายใน 18 เดือน ซึ่งถ้าราคาหุ้นขึ้นมาที่ระดับนั้นจริง เขาจะขายทำกำไร (เกือบสองเท่าตัว เพราะตอนเข้าซื้อตอนครึ่งหนึ่งของมูลค่าที่แท้จริง) 

=============================================
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

หุ้น PTL จ่ายปันผลและนำกำไรบางส่วนไปสร้างมูลค่าหุ้นอย่างไร ดูได้จากผลการชำแหละงบการเงิน

ผมชำแหละพื้นฐานหุ้น PTL ดูว่า ถ้าไม่จ่ายเงินคืนแก่ผู้ถือหุ้นในรูปเงินปันผลแล้ว ผู้บริหารเอากำไรที่เก็บไว้ไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่หุ้นอย่างไร ครับ









นับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมาหุ้น PTL ทำกำไรสุทธิได้ทั้งสิ้น 9.68 บาทต่อหุ้น ผู้บริหารเอากำไรดังกล่าวไปจ่ายเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 3.90 บาทต่อหุ้น เหลือเก็บไว้ในกิจการ 5.78 บาทต่อหุ้น

ณ วันสิ้นสุดไตรมาส 2011Q3 ราคาหุ้น PTL ปิดที่ 12.60 บาท คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2007 เท่ากับ 8.80 บาท หรือพูดได้ว่า ผู้บริหาร PTL เอาเงินกำไรที่เก็บไว้ในกิจการ (แทนที่จะจ่ายเป็นปันผล) 5.78 บาทต่อหุ้น ไปทำให้หุ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 8.80 บาทต่อหุ้น หรือคิดง่าย ๆ ว่า กำไรที่เก็บเอาไว้ 1 บาท ผู้บริหารนำไปต่อยอดให้หุ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 8.80/5.78 = 1.52 บาท ครับ ลักษณะเช่นนี้ ถ้าผมเป็นผู้ถือหุ้น PTL ผมอยากให้ผู้บริหารเก็บกำไรไว้ดีกว่านำมาจ่ายเป็นเงินปันผลครับ



=============================================
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

เปรียบเทียบค่าปัจจัยพื้นฐานแบบสะสมของหุ้น PTL ถึง 2011Q3


ผมชำแหละพื้นฐานหุ้น PTL แล้วเปรียบเทียบค่าปัจจัยพื้นฐานสะสมต่าง ๆ ได้แก่ กำไรสุทธิสะสมต่อรายได้สะสม เพื่อดูว่า ในรายได้ที่เกิดขึ้น มีกำไรสุทธิอยู่กี่เปอร์เซนต์ กำไรของผู้ถือหุ้นสะสมต่อรายได้สะสม เพื่อดูว่า ในรายได้ที่เกิดขึ้น มีกำไรของผู้ถือหุ้นอยู่กี่เปอร์เซนต์ กำไรของผู้ถือหุ้นสะสมต่อเงินลงทุนในที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ และสินทรัพย์ไม่มีตัวตนสะสม เพื่อดูประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรในการสร้างกำไรของผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ยังดูภาระดอกเบี้ยจ่ายผ่าน ดอกเบี้ยจ่ายสะสมต่อรายได้สะสม ดอกเบี้ยจ่ายสะสมต่อกำไรสุทธิสะสม ดอกเบี้ยจ่ายสะสมต่อกำไรของผู้ถือหุ้น ครับ




=============================================
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

ผลการชำแหละพื้นฐานหุ้น PTL สรุปตัวเลขปัจจัยพื้นฐานแบบสะสม ถึง 2011Q3


ผมสรุปตัวเลขปัจจัยพื้นฐานรายแบบสะสมที่ได้จากการชำแหละงบการเงิน ได้แก่ กำไรสุทธิสะสม รายได้สะสม กระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงานสะสม เงินลงทุนในที่ดิน อาคาร อุปกรณ์และสินทรัพย์ไม่มีตัวตนสะสม กำไรของผู้ถือหุ้นสะสม และดอกเบี้ยจ่ายสะสม ดังตารางข้างล่าง


=============================================
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"