กราฟรายสัปดาห์ของ TASCO แสดงความเป็นไปของการปรับฐานราคาในระหว่างตลาดขาขึ้นภายหลังจากการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาหุ้นในครึ่งหลังของปี 2010 ในภาพรวมราคาหุ้นของ TASCO มีลำดับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ เริ่มจากการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2008 เนื่องจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ตามด้วยการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการปรับปรุงสภาพถนนขนานใหญ่ทั่วประเทศในปี 2009-2010 การเปลี่ยนแนวโน้มราคาหุ้นระยะยาวจากแนวโน้มขาลงไปเป็นแนวโน้มขาขึ้นได้รับการยืนยันจากสัญญาณทางเทคนิคอย่างต่อเนื่องในระหว่างปี 2009 ตามลำดับดังนี้คือ ราคาหุ้นตัดขึ้นผ่าน SMA25W (25-week simple moving average : เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 25 สัปดาห์), ราคาหุ้นตัดขึ้นผ่าน SMA50W, SMA25W ตัดขึ้นผ่าน SMA50W, ราคาหุ้นตัดขึ้นผ่าน SMA100W, ราคาหุ้นฟื้นกลับไปสู่ระดับเฉลี่ยของปี 2007 บริเวณ 26 บาท, SMA25W ตัดขึ้นผ่าน SMA100W, SMA25W ฟื้นกลับไปสู่ระดับเฉลี่ยของปี 2007 บริเวณ 26 บาท และจบลงด้วย SMA50W ตัดขึ้นผ่าน SMA100W เมื่อปลายปี 2009 บริเวณ 38 บาท ที่จุดนี้ราคาหุ้นของ TASCO ได้ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดเมื่อต้นปี 2009 บริเวณ 5 บาท ขึ้นมาคิดเป็น ( 38 - 5 ) / 5 = 660% สิ่งที่สังเกตเห็นได้จากความเป็นไปของหุ้น TASCO ในช่วงนี้คือ เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นและวิกฤตินั้นได้คลี่คลายกลับสู่สภาพเดิม นักลงทุนที่ถือเงินสดอยู่มีโอกาสได้กำไรจากการฟื้นตัวสู่สภาวะปกติก่อนเกิดวิกฤติอย่างมหาศาล ดังนั้นที่ว่า อักษรจีนซึ่งใช้แทนคำว่าวิกฤติ กับแทนคำว่าโอกาส เป็นตัวเดียวกันนั้นจึงถูกต้องอย่างยิ่ง
หลังจากการหยุดพักเหนื่อยโดยราคาหุ้นเคลื่อนออกด้านข้างตลอดครึ่งแรกของปี 2010 ได้เกิดรูปกราฟในลักษณะ cup with handle หรือถ้วยกาแฟมีหูจับ ซึ่งหูจับของถ้วยอยู่ที่ระดับราคาประมาณ 43 บาท เกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2010 แล้วราคาหุ้นจึงพุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดแถว ๆ ราคา 70 บาท พร้อมปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก สัญญาณ RSI ขึ้นสูงเกิน 70% ซึ่งเป็นสัญญาณการสิ้นสุดการพุ่งของราคาหุ้น ต่อจากนั้นได้เกิดการต่อสู้ทางความคิดของนักลงทุน 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกคิดว่าการพุ่งแรงของราคาหุ้นน่าจะสิ้นสุดลงแล้ว และอีกฝ่ายหนึ่งคิดว่ายังไปได้อีก ทำให้เกิดอาการลังเลอยู่ประมาณ 4 สัปดาห์ ในช่วงนี้ราคาหุ้นได้ลงมาย่ำฐานอยู่ที่ระดับราคา 62 บาท สองครั้ง ในที่สุดฝ่ายที่คิดว่าราคาหุ้นยังไปต่อได้ (โดยมากเป็นรายย่อย ขาดประสบการณ์) ก็ชนะชั่วคราว ทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นด้วยแรงเฮือกสุดท้าย ไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 83 บาท ด้วยปริมาณการซื้อขายมหาศาล ตามด้วยการตัดกันแบบขาลงของสัญญาณ MACD แสดงการสิ้นสุดการไต่ราคาเพื่อพักฐานอีกครั้งหนึ่ง ที่จุดสูงสุดนี้ ราคาหุ้นได้ฟื้นตัวขึ้นมาจากจุดสูงสุด บริเวณ 5 บาท คิดเป็น ( 83 - 5 ) / 5 = 1,560% หรือ 15 เท่าตัวแล้ว สมควรอย่างยิ่งที่จะมีการปรับฐานพักเหนื่อย การฟื้นตัวของราคาหุ้นมากอย่างนี้จึงเหมาะสมกับการพักฐานที่ลึกพอสมควร จากการไต่ราคาที่เพิ่งจบลงมีแนวต้านหลักสามระดับ คือ 62 บาท 43 บาท และ 26 บาท ดังนั้นแนวต้านเหล่านี้จึงกลายเป็นแนวรับสำคัญของการปรับฐานราคาหุ้น ถ้าราคาหุ้นจะปรับฐานลงไปที่ระดับทั้งสามนี้ จะคิดเป็นการปรับฐาน ( 83 - 62 ) / 83 = 25%, ( 83 - 43 ) / 83 = 48% และ ( 83 - 26 ) / 83 = 69% ตามลำดับ
ในระหว่างการปรับตัวของราคาหุ้นลงมาถึงแนวรับแรกที่ 62 บาท ในช่วงปลายปี 2010 ได้เกิดรูปกราฟลักษณะ head and shoulder พอดี ดังนั้นการปรับฐานลง 25% มาถึงระดับราคานี้จึงไม่เพียงพอ และความสูงของหัวมาถึงเส้นคอ ( 83 - 62 ) = 21 บาท ได้ชี้เป้าลงไปที่ระดับราคา ( 62 - 21 ) = 41 บาท ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับแนวรับสำคัญ 43 บาท โดยประมาณพอดี ราคาหุ้นของ TASCO ได้ไต่ระดับลงเรื่อย ๆ จนมาแตะแนวรับสำคัญที่สอง บริเวณ 43 บาท ในเดือนพฤษภาคม 2011 หรือปรับลงมาจากราคาสูงสุด 48% ระหว่างที่ราคาหุ้นไต่ลงมาจากจุดสูงสุด จนถึงระดับ 43 บาทนั้น ได้สร้างแนวโน้มช่องคู่ขนานเฉียงลง และราคาหุ้นไม่เคยหลุดออกจากกรอบคู่ขนานนี้เลยจนกระทั่งประมาณเดือนมิถุนายน 2011 จึงเริ่มหลุดออกมาได้ เป็นเครื่องหมายแสดงความน่าจะเป็นที่มากในการเปลี่ยนแนวโน้มกลับเป็นขาขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เมื่อพิจารณาเส้นกราฟราคาหุ้นนับจากระดับ 62 บาท จนถึงปัจจุบัน มีโอกาสมากที่จะเกิดรูปกราฟในลักษณะ reverse head and shoulder หรือหัวและไหล่กลับด้าน โดยที่ ไหล่ซ้ายและหัวห้อยลงได้เกิดเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการเกิดของไหล่ขวาเท่านั้น ซึ่งการที่จะเกิดไหล่ขวาในอนาคตอันใกล้นี้มีความเป็นไปได้สูงมากเพราะถ้าสังเกตสัญญาณ MACD จะพบว่า มีการตัดกันแบบขาขึ้น บริเวณด้านลบ มุ่งหน้าขึ้นไปด้านบวก นอกจากนี้สัญญาณ RSI ยังได้ฟื้นตัวขึ้นมาจากบริเวณ 30% กำลังจะผ่าน 50% ขึ้นไป หากรูปกราฟ reverse head and shoulder เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ ความสูงของส่วนคอลงมาถึงหัว ( 62 - 43 ) = 19 บาท จะบ่งชี้เป้าการฟื้นตัวกลับขึ้นไปที่ระดับราคา 62 + 19 = 81 บาท ซึ่งเป็นบริเวณจุดสูงสุดเดิมนั่นเอง
หากว่าเหตุการณ์เป็นไปตามข้อสังเกตดังกล่าวมา การปรับฐานใหญ่รอบนี้จะเป็นการปรับตัวจาก 83 บาท ลงไป 43 บาท แล้วกลับมาที่ 83 บาทเหมือนเดิม เกิดเป็นรูปกราฟแบบ cup หรือ ถ้วย โดยอาจจะมีหูจับ หรือไม่มีหูจับตามมาก็ได้ หลังการสิ้นสุดการพักฐานรอบใหญ่นี้ หากว่ารอบขาขึ้นของ SET ยังไม่จบลงเสียก่อน ราคาหุ้นของ TASCO มีโอกาสจะขึ้นไปทำ new high ได้ถึงระดับราคา 83 + ( 83 - 43 ) = 123 บาท ครับ ระดับนี้เป็นไปได้หรือไม่ลองเปรียบเทียบดูจากข้อมูลที่ว่า ก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง TASCO เป็นธุรกิจซื้อมาขายไปล้วน ๆ ไม่มีโรงกลั่นยางมะตอยเป็นของตนเอง ช่วงนั้นราคาหุ้นเคยขึ้นไปถึงระดับเกิน 170 บาท แต่ในปัจจุบัน TASCO เป็นหุ้นส่วน 50% ของโรงกลั่นยางมะตอยจากน้ำมันดิบที่ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย ขณะที่ขนาดเศรษฐกิจของไทย เวียดนาม จีน (ตลาดหลัก ๆ ) ใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมมาก ดังนั้นเป้าหมาย 123 บาท จึงมีความเป็นไปได้มาก แต่จะไปถึงเมื่อใดไม่มีใครทราบครับ
====================================================================
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่ facebook.com/thstockinvest twitter.com/thstockinvest
เรียนรู้การดูกราฟหุ้นทางเทคนิคได้ที่ Free Stock Technical Analysis Tutorial
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น
เก็บความรู้ลงกล่อง " ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา"
เก็บความรู้ลงกล่อง " ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา"