ปัจจัยกำหนดทิศทางฟันด์โฟลว์ปีนี้คือ
- นโยบายการเมืองและเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป
- การยกระดับกองทุน EFSS ให้เป็นสถาบันการเงิน ESM (Euro Stabilize Mechanism) สำเร็จหรือไม่ การประชุมจะเกิดขึ้นในปลายเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และต้องจับตาการเลือกตั้งฝรั่งเศสช่วง "กลางปี" ถ้าฝ่ายค้านชนะเลือกตั้งให้ดูว่ารัฐบาลใหม่จะยอมลดงบประมาณตามที่ตกลงกันกับเยอรมันหรือไม่ ถ้าไม่เยอรมนีอาจไม่ใส่เงินใน EFSS เพิ่ม
- อเมริกากำลังร่างกฎหมายให้บริษัทสัญชาติสหรัฐที่ทำธุรกิจทั่วโลกจ่ายภาษีในการนำเงินกลับประเทศน้อยลง เพื่อลดอัตราการว่างงาน เงินนี้มีมากถึง 1.5-2 ล้านล้านดอลลาร์ หากกลับประเทศดอลลาร์จะแข็งค่าอย่างรวดเร็ว และนักลงทุนจะขายทุกสินทรัพย์ทั่วโลกทันที กฎหมายนี้มีกำหนดเข้าสภาช่วง "กลางปี"
- การปฏิรูปตลาดเงินของสหรัฐที่จะเก็บภาษีจากการลงทุนในตลาดเงินเช่น พันธบัตร เพิ่มขึ้นเพื่อลดความผันผวนในตลาดเงิน ถ้าออกกฎหมายสำเร็จคนจะนำเงินไปลงทุนหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น
- อัตราเงินเฟ้อสหรัฐ
ที่กำหนดเป้าไว้ไม่เกิน 2% ปัจจุบันอยู่ที่ 1.9% ตามประวัติ หากเงินเฟ้อแตะระดับ 2.5% เมื่อไรจะเกิดการ "เทขายหุ้นอย่างหนักทันที" ซึ่งหากเกิดในรอบนี้อาจทำให้เฟดต้องเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยเข้ามาเร็วขึ้นจากเดิมตั้งไว้ปี 2557 และอาจทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก "ถูกเทขายหนัก" เพราะอนุพันธ์ที่ขึ้นกับดอกเบี้ยมีมากถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ ปัจจัยนี้โอกาสเกิดขึ้นน้อยแต่ส่งผลกระทบมหาศาล
===================================================
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา" ที่