ข้อมูลปริมาณซื้อขายสุทธิรายวันของนักลงทุนต่างประเทศที่ผมรวบรวมมาได้ เมื่อเอามาวาดกราฟจะได้เส้นกราฟและจุดข้อมูลเป็นสีเทาดังในภาพข้างล่าง ปริมาณซื้ัอขายแสดงด้วยสเกลทางซ้ายมือ (หน่วยเป็นล้านบาท) ซื้อสุทธิเป็นตัวเลขบวก และขายสุทธิเป็นตัวเลขลบ จากกราฟ (เส้นสีเทา) จะพบว่าไม่สามารถหาแนวโน้มอะไรจากกราฟนี้ได้เลย อาการเหมือนกับที่เราเคยดูในทีวีว่า วันนี้ SET ขึ้น หรือลง เท่าใด ต่างชาติซื้อหรือขายเท่าใด ฟังแล้วไม่ค่อยได้อะไรมากนัก ได้แต่คอยดูว่าวันต่อ ๆ ไป จะเป็นยังไง แต่อย่างไรก็ตาม ลองเอาสถิติอย่างง่ายมาจับดูบ้างดีกว่าครับว่าจะเห็นอะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ ผมสกัดข้อมูลหาปริมาณซื้อสูงสุด ปริมาณขายสูงสุด และปริมาณซื้อขายเฉลี่ยจากข้อมูลที่มีอยู่พบว่า ต่างชาติซื้อสุทธิรายวันสูงสุด 10,703 ล้านบาท ขายสุทธิรายวันสูงสุด 8,995 ล้านบาท โดยเฉลี่ยแล้วเป็นการซื้อสุทธิ 292 ล้านบาทต่อวัน ดังนั้น ปริมาณซื้อสุทธิประมาณห้าพันกว่าล้านบาทเมื่อสองสามวันก่อนก็ไม่ได้ถือว่ามากมายอะไร เพราะต่างชาติเคยซื้อสุทธิวันเดียวมากถึงหมื่นกว่าล้านบาท และขายสุทธิวันเดียวมากถึงแปดพันล้านบาท ส่วนข้อมูลเฉลี่ยแสดงให้เห็นว่าฝรั่งเก็บหุ้นไทยแบบระยะยาว เกือบสามร้อยล้านบาทต่อวัน ถึงไม่เห็นแนวโน้มแต่เก็บสถิติเอาไว้อ้างอิงได้ครับ
เมื่อพิจารณาช่องแนวโน้มที่สร้างเสร็จแล้วจะเห็นได้ว่า ตลอด 1 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา ต่างชาติเก็บหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระหว่างทางมีการเก็บเพิ่ม และขายออกสลับกันไปตามสถานการณ์ระยะสั้นโดยมีเส้นแบ่งช่องแนวโน้มเป็นแนวซื้อเพิ่มและแนวขายออก ในปัจจุบันปริมาณเงินลงทุนของต่างชาติที่ยังมีอยู่ในรูปของหลักทรัพย์ไทย (เริ่มนับเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2010) มีค่าประมาณ 114,700 ล้านบาท ผมลองวัดระยะห่างระหว่างเส้นแนวโน้มสีแดงกับสีชมพู และเส้นสีชมพูกับสีเขียว ได้ค่าประมาณ 36,000 ล้านบาท นั่นหมายความว่าต่อจากนี้ไป หากต่างชาติต้องการซื้อหุ้นไทยเพิ่มจนปริมาณเงินลงทุนขึ้นไปชนแนวต้านสูงสุดสีแดง ก็ต้องเติมเงินเข้าไปอีกประมาณ 36,000 ล้านบาท และหากต่างชาติอยากขายหุ้นไทยออกจนปริมาณเงินลงทุนลงไปชนแนวรับต่ำสุดสีเขียว ก็ต้องถอนเงินออกประมาณ 36,000 ล้านบาท เช่นเดียวกันครับ
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือ ในรอบห้าเดือนที่ผ่านมา ปริมาณเงินลงทุนของต่างชาติได้เปลี่ยนจากการอยู่เหนือเส้นแนวโน้มแกนกลางสีชมพูลงมาอยู่ด้านล่างแทน แต่ในขณะนี้ ได้กลับขึ้นไปอยู่ที่เส้นสีชมพูอีกครั้งหนึ่ง มาติดตามกันต่อไปนะครับว่า ปริมาณเงินลงทุนของต่างชาติจะสามารถกลับไปอยู่เหนือเส้นแนวโน้มแกนกลางสีชมพูได้หรือไม่ครับ
===================================================
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา" ที่