Sunday, February 12, 2012

ผลงานวิจัยส่วนตัวเรื่อง เงินทุนต่างชาติในหุ้นไทย fund flow นั้นสำคัญไฉน ?

สามวันก่อน ผมโพสต์เกี่ยวกับการระเบิดของแถบบอลลิงเกอร์พร้อมการพุ่งขึ้นของราคาหุ้น IVL แล้วทิ้งท้ายไว้ว่า อาการคึกคักของตลาดหุ้นไทยในขณะนี้น่าจะเกิดจากการไหลเข้าของทุนต่างชาติ เพื่อจะได้เข้าใจความเป็นมาเป็นไปของทุนนอกที่เข้ามาแสวงหากำไรในตลาดหุ้นไทย ผมเริ่มสนใจทำวิจัยในหัวข้อนี้ โดยการเก็บข้อมูลปริมาณซื้อขายสุทธิรายวันของนักลงทุนต่างประเทศ ข้อมูลที่มีในอินเตอร์เน็ตนั้นไม่พบว่ามีเว็บใดที่รวบรวมข้อมูลดังกล่าวไว้เลย นอกจากนี้ข้อมูลที่ฝ่ายวิจัยของ บล. ต่าง ๆ ได้ทำเอาไว้ (ซื้อข้อมูลจากบลูมเบิร์ก) ก็มีแต่ปริมาณซื้อขายสุทธิรายเดือนของนักลงทุนต่างประเทศ เทียบกับดัชนี SET ซึ่งผมดูแล้วไม่ได้อะไรเท่าไหร่ ไม่เห็นแนวโน้มที่บ่งชี้ได้ว่า เงินนอกจะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้ผมเลยถือคติ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน กดกูเกิลแล้วค้นหาและบันทึกสรุปปริมาณซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศไล่ย้อนไปทีละวัน ตั้งใจไว้ว่าจะย้อนกลับไปถึงก่อนวิกฤติซับไพร์ม ผ่านไปสามวันผมไล่ย้อนไปถึงต้นเดือนกรกฎาคม 2010 ข้อมูลเท่าที่มีอยู่ในขณะนี้ทำให้เริ่มเห็นอะไรบางอย่าง (ตาสว่างอีกแล้วครับทั่น) เลยหยุดพักเอาข้อมูลมาใช้ก่อนเพื่อให้ทันสถานการณ์ ที่เหลือเอาไว้ค่อยทยอยเก็บข้อมูลเพิ่มไปเรื่อย ๆ ทีหลังก็ได้ 

ข้อมูลปริมาณซื้อขายสุทธิรายวันของนักลงทุนต่างประเทศที่ผมรวบรวมมาได้ เมื่อเอามาวาดกราฟจะได้เส้นกราฟและจุดข้อมูลเป็นสีเทาดังในภาพข้างล่าง ปริมาณซื้ัอขายแสดงด้วยสเกลทางซ้ายมือ (หน่วยเป็นล้านบาท) ซื้อสุทธิเป็นตัวเลขบวก และขายสุทธิเป็นตัวเลขลบ จากกราฟ (เส้นสีเทา) จะพบว่าไม่สามารถหาแนวโน้มอะไรจากกราฟนี้ได้เลย อาการเหมือนกับที่เราเคยดูในทีวีว่า วันนี้ SET ขึ้น หรือลง เท่าใด ต่างชาติซื้อหรือขายเท่าใด ฟังแล้วไม่ค่อยได้อะไรมากนัก ได้แต่คอยดูว่าวันต่อ ๆ ไป จะเป็นยังไง แต่อย่างไรก็ตาม ลองเอาสถิติอย่างง่ายมาจับดูบ้างดีกว่าครับว่าจะเห็นอะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ ผมสกัดข้อมูลหาปริมาณซื้อสูงสุด ปริมาณขายสูงสุด และปริมาณซื้อขายเฉลี่ยจากข้อมูลที่มีอยู่พบว่า ต่างชาติซื้อสุทธิรายวันสูงสุด 10,703 ล้านบาท ขายสุทธิรายวันสูงสุด 8,995 ล้านบาท โดยเฉลี่ยแล้วเป็นการซื้อสุทธิ 292 ล้านบาทต่อวัน ดังนั้น ปริมาณซื้อสุทธิประมาณห้าพันกว่าล้านบาทเมื่อสองสามวันก่อนก็ไม่ได้ถือว่ามากมายอะไร เพราะต่างชาติเคยซื้อสุทธิวันเดียวมากถึงหมื่นกว่าล้านบาท และขายสุทธิวันเดียวมากถึงแปดพันล้านบาท ส่วนข้อมูลเฉลี่ยแสดงให้เห็นว่าฝรั่งเก็บหุ้นไทยแบบระยะยาว เกือบสามร้อยล้านบาทต่อวัน ถึงไม่เห็นแนวโน้มแต่เก็บสถิติเอาไว้อ้างอิงได้ครับ

2012-02-10 Cumulative fund flow into Thai equity markets

ด้วยความที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนตอนหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ผมรู้ว่าหากต้องการเห็นแนวโน้มของข้อมูล ให้มองข้อมูลแบบสะสมค่า ดังนั้นผมจึงสะสมปริมาณเงินลงทุนของต่างชาติในหลักทรัพย์ของไทย โดยเริ่มจากต้นเดือนกรกฎาคม 2010 วันต่อมา ถ้าซื้อสุทธิให้บวกปริมาณเงินเพิ่มเข้าไป หากขายสุทธิก็ให้หักปริมาณเงินออก ทำอย่างนี้ไปข้างหน้าอย่างนี้เรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน ผมเอาข้อมูลแบบสะสมที่ได้มาวาดเป็นกราฟเส้นสีน้ำเงินโดยมีสเกลอยู่ทางขวามือ คราวนี้เห็นแนวโน้มหรือยังครับ ? พอเห็นภาพนี้แล้วผมลงมือลากเส้นแนวโน้มแกนกลางดังเส้นสีชมพู ตามด้วยเส้นขนานสีเขียวซึ่งลากผ่านจุดปริมาณเงินลงทุนของต่างชาติต่ำสุด ในวันที่ 26 กันยายน 2011 จากนั้นก็วาดเส้นขนานอีกเส้นหนึ่งเป็นสีแดงผ่านจุดปริมาณเงินลงทุนของต่างชาติสูงสุด ในวันที่ 28 เมษายน 2011 วันที่ 8 พฤศจิกายน 2010 และวันที่ 19 ตุลาคม 2010 เส้นขนานทั้งสามเส้น (แดง ชมพู เขียว) ได้ทำให้เกิดช่องแนวโน้มใหญ่สองช่อง ช่องบนอยู่ระหว่างเส้นสีแดงและชมพู ช่องล่างอยู่ระหว่างเส้นสีชมพูและเขียว เพื่อให้ช่องแนวโน้มละเอียดขึ้น ผมแบ่งครึ่งช่องแนวโน้มใหญ่ทั้งสองด้วยเส้นประสีดำ รวมมีเส้นขนานทั้งหมด 5 เส้น และมีช่องแนวโน้มปริมาณเงินลงทุนของต่างชาติ 4 ช่อง

เมื่อพิจารณาช่องแนวโน้มที่สร้างเสร็จแล้วจะเห็นได้ว่า ตลอด 1 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา ต่างชาติเก็บหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระหว่างทางมีการเก็บเพิ่ม และขายออกสลับกันไปตามสถานการณ์ระยะสั้นโดยมีเส้นแบ่งช่องแนวโน้มเป็นแนวซื้อเพิ่มและแนวขายออก ในปัจจุบันปริมาณเงินลงทุนของต่างชาติที่ยังมีอยู่ในรูปของหลักทรัพย์ไทย (เริ่มนับเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2010) มีค่าประมาณ 114,700 ล้านบาท ผมลองวัดระยะห่างระหว่างเส้นแนวโน้มสีแดงกับสีชมพู และเส้นสีชมพูกับสีเขียว ได้ค่าประมาณ 36,000 ล้านบาท นั่นหมายความว่าต่อจากนี้ไป หากต่างชาติต้องการซื้อหุ้นไทยเพิ่มจนปริมาณเงินลงทุนขึ้นไปชนแนวต้านสูงสุดสีแดง ก็ต้องเติมเงินเข้าไปอีกประมาณ 36,000 ล้านบาท และหากต่างชาติอยากขายหุ้นไทยออกจนปริมาณเงินลงทุนลงไปชนแนวรับต่ำสุดสีเขียว ก็ต้องถอนเงินออกประมาณ 36,000 ล้านบาท เช่นเดียวกันครับ

ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือ ในรอบห้าเดือนที่ผ่านมา ปริมาณเงินลงทุนของต่างชาติได้เปลี่ยนจากการอยู่เหนือเส้นแนวโน้มแกนกลางสีชมพูลงมาอยู่ด้านล่างแทน แต่ในขณะนี้ ได้กลับขึ้นไปอยู่ที่เส้นสีชมพูอีกครั้งหนึ่ง มาติดตามกันต่อไปนะครับว่า ปริมาณเงินลงทุนของต่างชาติจะสามารถกลับไปอยู่เหนือเส้นแนวโน้มแกนกลางสีชมพูได้หรือไม่ครับ

===================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา" ที่
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา "ชำแหละพื้นฐานหุ้น "