Monday, February 6, 2012

คาดหมายแนวโน้มกำไรของผู้ถือหุ้น JUBILE จากแนวโน้มรายได้สะสม 2011Q3


ผมได้ชำแหละหุ้น JUBILE สกัดข้อมูลในอดีตมาศึกษาในหลากหลายแง่มุม ตามปกติแล้วเมื่อนัก "ลงทุน" ศึกษาหุ้นมาถึงขั้นตอนนี้ จะสามารถแยกแยะได้แล้วว่าหุ้นที่กำลังศึกษาอยู่นั้น เป็นหุ้นที่ "น่าลงทุน" หรือไม่ ถ้าด้วยหลักฐานข้อมูลในงบการเงินบ่งชี้ว่า หุ้นตัวใดไม่น่าลงทุน เราก็ไม่ควรฝืนเข้าข้างตัวเองว่ามันน่าลงทุน เนื่องจากยังมีหุ้นอีกมากทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่อยู่ในสถานะ "น่าลงทุน" รอให้เราค้นหา ศึกษา และเข้าลงทุน 

โบราณว่า โจรปล้น 10 ครั้ง ยังเหลือตัวบ้าน ไฟไหม้บ้าน 10 ครั้งยังเหลือที่ดิน แต่ผีพนันเข้าสิงจะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่เสื้อผ้า หุ้นบางตัวแม้จะมีงบการเงินที่แสดงกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง แต่พอเจาะเข้าไปดูลึก ๆ แล้วเห็นมีแต่เงินสดไหลออกจากกิจการเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แค่นี้ก็เีพียงพอที่จะพักความสนใจในหุ้นตัวนั้นเอาไว้ก่อน โดยไม่ต้องไปหา "มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น" ตัวนั้นให้เสียเวลาครับ สำหรับหุ้น JUBILE เมื่อชำแหละสิ่งที่อยู่ข้างในออกดูดังได้ทำผ่านมาแล้ว มาถึงจุดนี้เพื่อน ๆ คงเห็นด้วยกับผมว่า หุ้นตัวนี้มีความ "น่าลงทุน" เป็นสมบัติประจำตัว แต่ถ้าถามว่า ตอนนี้ควรเข้าลงทุนซื้อหุ้นหรือไม่ คำถามนี้จะไม่มีคำตอบถ้าเราไม่ทราบว่า สิ่งที่เราจะซื้อมีมูลค่าเท่าใด หุ้น JUBILE ควรมีมูลค่าเท่าใด ?

เพื่อที่จะหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น JUBILE ผมจะดำเนินตามขั้นตอนดังนี้ครับ
  1. สมมุติว่า ผมเข้าซื้อหุ้น JUBILE แล้วถือหุ้นไว้ 10 ปี ในแต่ละปีที่ถือหุ้นอยู่นั้น กิจการจะสร้างกำไรของผู้ถือหุ้นออกมาทุกปี เมื่อครบ 10 ปี ผมขายหุ้นทั้งหมดออกไปที่ราคา 10 - 15 เท่า ของกำไรของผู้ถือหุ้นในปีสุดท้ายนั้น
  2. จากแผนการลงทุนนี้ มูลค่าของกิจการ JUBILE ประกอบด้วย
    • เงินสดที่กิจการมีอยู่ในปัจจุบัน
    • กำไรของผู้ถือหุ้นที่เกิดขึ้นทุกปี ใน 10 ปี ข้างหน้า (ต้องปรับค่าของเงินในอนาคตแต่ละปีมาเป็นค่าเงินในปัจจุบันด้วย)
    • เงินที่ได้จากการขายกิจการออกไป ( ต้องปรับค่าของเงินในอนาคตปีที่ 10 นั้นมาเป็นค่าเงินในปัจจุบันด้วย)
  3. เงินสดที่กิจการมีอยู่ในปัจจุบันสามารถเปิดดูได้จากงบกระแสเงินสดของไตรมาสล่าสุด ส่วนกำไรของผู้ถือหุ้นในอนาคต และราคาขายกิจการออกไป ต้องประเมินเอง ซึ่งผมจะประเมินสิ่งที่ยังมาไม่ถึงนี้โดยอาศัยข้อมูลในอดีตและแนวโน้มที่เคยเป็นมาที่ทราบจากการชำแหละงบการเงินนั่นเอง
  4. ผมประมาณค่ากำไรของผู้ถือหุ้นที่น่าจะเกิดขึ้นใน 10 ปีข้างหน้า โดยดูว่า กำไรของผู้ถือหุ้นในอดีตมีการสะสมค่าอย่างไร รายได้ของกิจการมีการสะสมค่าอย่างไร จากนั้นหาความสัมพันธ์ระหว่างรายได้สะสม และกำไรของผู้ถือหุ้นสะสม ผมอาศัยรายได้สะสมของกิจการเป็นเครื่องนำทาง เนื่องจากผู้บริหารมักคาดหมายการเติบโตของกิจการในมุมมองการเติบโตของ "ยอดขาย (sales)" หรือ "รายได้ (revenues)" นอกจากนี้ กิจการที่ดำเนินการอย่างปกติ จะต้องมียอดขายเป็นบวกอยู่เสมอ ไม่เหมือนกับกำไรของผู้ถือหุ้นซึ่งสามารถเป็นลบได้ในบางครั้งที่กิจการมีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรมาก ๆ เพื่อขยายกิจการ ดังนั้นเมื่อสามารถคาดหมายรายได้สะสมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ก็จะสามารถคาดหมายกำไรของผู้ถือหุ้นได้โดยผ่านความสัมพันธ์ระหว่างรายได้สะสม และกำไรของผู้ถือหุ้นสะสม
  5. การคาดหมายความเป็นไปของรายได้สะสมของกิจการจะดำเนินการผ่าน การมองโลกในแง่ดี การมองโลกแบบกลาง ๆ และการมองโลกในแง่ร้าย ทำให้คาดหมายกำไรของผู้ถือหุ้นได้ 3 แบบเช่นเดียวกัน
  6. ประเมินว่า กำไรของผู้ถือหุ้นจากการมองโลกในแต่ละแง่ (ดี กลาง ร้าย) มีโอกาสเกิดขึ้นเป็นสัดส่วนกันอย่างไร จะได้มูลค่ากำไรของผู้ถือหุ้นที่คาดว่าจะสร้างได้ใน 10 ปีข้างหน้าออกมา เมื่อคูณกำไรของผู้ถือหุ้นที่น่าจะสร้างขึ้นได้ในปีที่ 10 ด้วย 10 - 15 เท่า จะได้ช่วงของมูลค่ากิจการที่ขายออกไป
  7. เมื่อนำ กำไรของผู้ถือหุ้นที่น่าจะเกิดขึ้นใน 10 ปีข้างหน้า และมูลค่ากิจการที่ขายออกไปทั้งหมด มาแปลงเป็นมูลค่าในปัจจุบัน (เงินในอนาคตมีมูลค่าน้อยกว่าเงินจำนวนเดียวกันในปัจจุบัน) แล้วรวมเข้ากับเงินสดที่มีอยู่ในกิจการ จะได้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นในปัจจุบัน โปรดสังเกตว่า ไม่ได้เอาเงินปันผลมารวมคิดเป็นมูลค่าแต่อย่างใดครับ ดังนั้นเิงินปันผลจึงเปรียบเสมือนเงินที่จ่ายออกมาจากพอร์ตลงทุน ให้เราเอาไปจับจ่ายในสิ่งที่จำเป็นต่อการเลี้ยงชีพในชีวิตประจำวัน หรือจะเรียกว่าเงินโบนัส ก็ได้ครับ
  8. พอทราบว่าหุ้นตัวที่เราศึกษาอยู่มีมูลค่าที่แท้จริงเท่าใด ทีนี้ก็พิจารณาว่า ราคาหุ้นในปัจจุบันมีค่าเท่าใด เทียบกับมูลค่าหุ้นที่แท้จริง ถ้าเราเข้าซื้อลงทุนวันนี้ เราได้ส่วนลดเท่าใด ท่านเองคิดว่าส่วนลดดังกล่าวเพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้การลงทุนของท่านมีความเสี่ยงที่ไม่สูงเกินไปนัก ส่วนลดดังกล่าวนี้มีชื่อเรียกว่า Margin of Safety หรือส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย ในกรณีที่สมมุติฐานแนวโน้มรายได้สะสมของเราไม่แม่นยำเพียงพอ หรือมีการมองโลกในแง่ดีมากเกินไป ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนมาก ๆ ทั้งหลายมักแนะนำว่า ให้เราซื้อของตอนมันลดราคา 50% แล้วขายตอนมูลค่าของมันเพิ่มขึ้นมาประมาณเท่ากับมูลค่าที่แท้จริงของมัน ดังนั้น ถ้าเราซื้อขายตามแผนนี้ จะต้องได้กำไร (100-50)/50 = 100% หรือราคาหุ้นเพิ่มเป็นสองเท่าครับ
สำหรับการหามูลค่าหุ้น JUBILE เราเริ่มจากการหาความสัมพันธ์ระหว่าง รายได้สะสม และกำไรของผู้ถือหุ้นสะสมครับ จากข้อมูลในงบการเงิน เราทราบประวัติรายได้สะสม และกำไรของผู้ถือหุ้นสะสมของหุ้น แล้วว่าเป็นดังตารางข้างล่าง 




ผมหาความสัมพันธ์ของปัจจัยสะสมทั้งสองตัว ด้วยการวิเคราะห์ทางสถิติที่เรียกว่า linear regression ได้ว่า ความสัมพันธ์เป็นไปตามสมการเส้นตรง

กำำไรของผู้ถือหุ้นสะสม = (0.1100 * รายได้สะสม) - 170.94  หน่วยเป็นล้านบาท 

ซึ่งผมมีความมั่นใจ 86.47% ว่าสมการนี้สามารถใช้แทนความเป็นไปของข้อมูลจริงในอดีตได้ดี ในตารางคอลัมน์สุดท้าย (linear model) เป็นกำไรของผู้ถือหุ้นที่หาจากสมการเส้นตรงดังกล่าว  สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการประมาณแนวโน้มว่า รายไ้ด้สะสมของ JUBILE จะเป็นไปอย่างไรครับ

===================================================

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา" ที่
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา "ชำแหละพื้นฐานหุ้น "