Thursday, May 30, 2013

เปรียบเทียบสัมฤทธิผลในการดำเนินภารกิจของเครื่องบินขับไล่ระบบล็อคเป้า กรณีศึกษาหุ้น CK ครั้งที่ 2

Update: 29 พ.ค. 2013

     ในโพสต์นี้ ผมทำการศึกษาประสิทธิภาพของระบบล็อคเป้าหุ้น CK รอบที่ 2 ในช่วงระหว่างวันที่ 4 ก.ย. 2012 ถึง 29 พ.ค. 2013 โดยมีแผนปฏิบัติการดังนี้
  • เครื่องบินขับไล่ CK มีการนำร่องด้วย เส้นเฝ้าระวัง SMA14D สีฟ้า และเส้นล็อคเป้า SMA84D สีเหลือง ก่อนเริ่มภารกิจ เครื่องบินขับไล่อยู่ในสถานะพักรบ บินลาดตระเวนต่ำกว่าเส้น SMA84D สีเหลือง และต่ำกว่าเส้น supply line สีขาว
  • เมื่อใดเครื่องบินสามารถขึ้นไปบินเหนือทั้งสองเส้นดังกล่าวได้จะได้รับคำสั่งให้เริ่มภารกิจติดตามเครื่องบินศัตรูพร้อมแต้มตั้งต้นเพื่อใช้ประเมินประสิทธิผลของภารกิจจำนวนหนึ่ง แต้มที่มีอยู่สามารถแลกเป็นขีปนาวุธ (หุ้น CK) เพื่อบรรจุไว้ในรังเพลิง พร้อมโจมตีข้าศึกได้ จำนวนขีปนาวุธที่โหลดได้ ขึ้นอยู่กับระดับเพดานบินในขณะนั้น คำนวณโดยหารแต้มที่มีอยู่ด้วยระดับเพดานบิน แลกขีปนาวุธได้ล็อตละ 100 ลูก (ไม่คิดค่าใช้จ่ายในการโหลดหรือปลดขีปนาวุธออกจากรังเพลิง)
  • ระหว่างการไล่ติดตามศัตรูหากเพดานบินลดต่ำกว่าเส้น SMA14D สีฟ้าอย่างชัดเจน เครื่องบินจะเข้าสู่โหมดเฝ้าระวัง
  • หากเพดานบินลดต่ำกว่าเส้น SMA84D สีเหลือง อย่างชัดเจน เครื่องบินจะเข้าสู่โหมดจู่โจม โดยทำการล็อคเป้าเครื่องบินข้าศึกแล้วยิงขีปนาวุธทั้งหมดออกไปทำลายเป้าหมาย เป็นอันสิ้นสุดภารกิจ 
  • สัมฤทธิผลของภารกิจ วัดเป็นแต้มที่คำนวณจากจำนวนขีปนาวุธคูณด้วยระดับเพดานบิน (จำนวนหุ้นคูณราคาหุ้น)

คำถามมีอยู่ว่า ระหว่างที่เครื่องบินขับไล่อยู่ในสถานะเฝ้าระวัง (หลุดเส้น SMA14D สีฟ้า) ลงมานั้น นักบินควรทำอะไรเกี่ยวกับจำนวนขีปนาวุธที่โหลดเข้ารังเพลิงเพื่อเตรียมยิงจู่โจมข้าศึกหรือไม่ ทำอย่างไรจึงจะได้แต้มสูงสุดเมื่อภารกิจจบลง ผมแบ่งการดำเนินการของนักบินออกเป็นสองแนวทางคือ
  1. ไม่ต้องทำอะไร
  2. ปรับเปลี่ยนจำนวนขีปนาวุธตามสถานการณ์ ด้วยการลดจำนวนขีปนาวุธล็อตล่าสุดที่บรรจุเข้ารังเพลิงลงครึ่งหนึ่งเพื่อแลกเป็นแต้มเก็บไว้ก่อน จากนั้นจึงเอาแต้มที่มีอยู่ไปแลกเป็นขีปนาวุธใหม่อีกครั้งเมื่อเครื่องบินสามารถผ่าน supply line ใหม่ขึ้นไปได้ หรือเมื่อระดับเพดานบินลดต่ำลงจนแตะเส้นล็อคเป้าแต่ไม่หลุดลงไปจนต้องจบภารกิจ
ศึกษาเปรียบเทียบสัมฤทธิผลของทั้งสองแนวทางโดยเริ่มจากแต้มที่ได้รับมาพร้อมคำสั่งเริ่มภารกิจเท่ากับ 1 ล้านแต้ม (1 ล้านบาท)

แนวทางที่ 1 
  • 4 ก.ย. 2012 จอเรดาร์แสดงค่า CK 7.50 (SMA14D 7.23 , SMA84D 7.13) เพดานบินขึ้นไปอยู่เหนือ SMA14D , SMA84D และ supply line ได้อย่างชัดเจน
  • 5 ก.ย. 2012 ได้รับคำสั่งเริ่มภารกิจพร้อมแต้มเริ่มต้น 1 ล้านแต้ม แลกเป็นขีปนาวุธโหลดเข้ารังเพลิงที่ระดับเพดานบิน ATO 7.65 ได้ 130,700 ลูก มีแต้มเหลือเก็บ 145 แต้ม 
  • 29 พ.ค. 2013 หลังจากติดตามเครื่องบินข้าศึกมาได้ระยะหนึ่ง ระหว่างนั้นเครื่องบินได้เข้าสู่สถานะเฝ้าระวังบ้างเป็นบางครั้ง และมีการลดเพดานบินจนลงมาแตะเส้นล็อคเป้าบ้างก็ไม่ถึงกับไม่หลุดเส้นล็อคเป้าอย่างชัดเจน ในวันนี้ จอเรดาร์ ณ สิ้นวัน แสดงค่า CK 27.50 (SMA14D 27.50 , SMA84D 25.04) ยังอยู่ในสถานะปกติ จำนวนขีปนาวุธในรังเพลิง 130,700 ลูก มูลค่า 3,594,250 แต้ม รวมแต้มเหลือเก็บ 145 แต้ม เป็น 3,594,395 แต้ม มีแต้มเพิ่มขึ้นจากที่ได้รับมาตอนเริ่มภารกิจ 259.44% ในระยะเวลา 266 วัน เทียบเท่าดอกเบี้ยทบต้น 478.65% ต่อปี

แนวทางที่ 2 
  • 4 ก.ย. 2012 จอเรดาร์แสดงค่า CK 7.50 (SMA14D 7.23 , SMA84D 7.13) เพดานบินขึ้นไปอยู่เหนือ SMA14D , SMA84D และ supply line ได้อย่างชัดเจน
  • 5 ก.ย. 2012 ได้รับคำสั่งเริ่มภารกิจพร้อมแต้มเริ่มต้น 1 ล้านแต้ม แลกเป็นขีปนาวุธโหลดเข้ารังเพลิงที่ระดับเพดานบิน ATO 7.65 ได้ 130,700 ลูก มีแต้มเหลือเก็บ 145 แต้ม 
  • 10 ต.ค. 2012 จอเรดาร์ ณ สิ้นวัน แสดงค่า CK 8.40 (SMA14D 8.57 , SMA84D 7.49) เพดานบินลดต่ำกว่า เส้น SMA14D สีฟ้า อย่างชัดเจน ทำให้ระบบเข้าสู่โหมดเฝ้าระวัง
  • 11 ต.ค. 2012 ครึ่งหนึ่งของจำนวนขีปนาวุธที่ถูกบรรจุเข้ารังเพลิงครั้งล่าสุด หรือ 65,350 ลูก ถูกปลดออกเพื่อนำไปแลกเป็นแต้ม ที่ความสูง ATO 8.40 ได้แต้มมา 548,940 แต้ม รวมแต้มเดิม 145 แต้ม เป็นแต้มสุทธิ 549,085 แต้ม และเหลือขีปนาวุธในรังเพลิง 65,350 ลูก
  • 29 พ.ย. 2012 จอเรดาร์ ณ สิ้นวัน แสดงค่า CK 9.40 (SMA14D 9.08 , SMA84D 8.27) เพดานบิน ทะลุขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ ทำให้นักบินตัดสินใจโหลดขีปนาวุธเข้ารังเพลิงเพิ่ม
  • 30 พ.ย. 2012 นักบินแลกแต้มที่มีอยู่เป็นขีปนาวุธได้มากที่สุด 58,700 ลูก ที่ความสูง ATO 9.35 เหลือแต้มอยู่ 240 แต้ม และมียอดขีปนาวุธในรังเพลิง 124,050 ลูก
  • 20 มี.ค. 2013 จอเรดาร์ ณ สิ้นวัน แสดงค่า CK 25.50 (SMA14D 27.09 , SMA84D 18.21) เพดานบินลดต่ำกว่า เส้น SMA14D สีฟ้า อย่างชัดเจน ทำให้ระบบเข้าสู่โหมดเฝ้าระวัง
  • 21 มี.ค. 2013 ครึ่งหนึ่งของจำนวนขีปนาวุธที่ถูกบรรจุเข้ารังเพลิงครั้งล่าสุด หรือ 29,350 ลูก ถูกปลดออกเพื่อนำไปแลกเป็นแต้ม ที่ความสูง ATO 25.25 ได้แต้มมา 741,087.50 แต้ม รวมแต้มเดิม 240 แต้ม เป็นแต้มสุทธิ 741,327.50 แต้ม และเหลือขีปนาวุธในรังเพลิง 94,700 ลูก
  • 9 เม.ย. 2013 จอเรดาร์ ณ สิ้นวัน แสดงค่า CK 20.80 (SMA14D 24.14 , SMA84D 20.49) เพดานบินลดลงมาแตะเส้น SMA84D สีเหลือง ทำให้นักบินตัดสินใจแลกแต้มที่มีอยู่เป็นขีปนาวุธโหลดเข้ารังเพลิงเพิ่ม
  • 10 เม.ย. 2013 นักบินแลกแต้มที่มีอยู่เป็นขีปนาวุธได้มากที่สุด 35,300 ลูก ที่ความสูง ATO 21.00 เหลือแต้มอยู่ 27.50 แต้ม และมียอดขีปนาวุธในรังเพลิง 130,000 ลูก 
  • 29 พ.ค. 2013 จอเรดาร์ ณ สิ้นวัน แสดงค่า CK 27.50 (SMA14D 27.50 , SMA84D 25.04) ยังอยู่ในสถานะปกติ จำนวนขีปนาวุธในรังเพลิง 130,000 ลูก มูลค่า 3,575,000 แต้ม รวมแต้มเหลือเก็บ 27.50 แต้ม เป็น 3,575,027.50 แต้ม มีแต้มเพิ่มขึ้นจากที่ได้รับมาตอนเริ่มภารกิจ 257.50% ในระยะเวลา 266 วัน เทียบเท่าดอกเบี้ยทบต้น 474.38% ต่อปี
ผลการศึกษาพบว่าแนวทางที่ 1 (ไม่ทำอะไร) มีสัมฤทธิผลมากกว่าแนวทางที่ 2 (ปรับเปลี่ยนจำนวนขีปนาวุธในรังเพลิงบ้างตามความเหมาะสม) เพียงเล็กน้อย แต่หากคำนึงถึงปัจจัยที่มองไม่เห็นและต้นทุนในการจัดหาแต้มเริ่มต้น (กรณีใช้เงินกู้มาร์จิ้น) นับว่าแนวทางที่ 2 มีความเสี่ยงน้อยกว่าแนวทางแรก อย่างไรก็ตาม ภารกิจที่ 2 ข้างต้นยังไม่สิ้นสุดลง จึงต้องลองศึกษาเพิ่มเติมไปอีกเรื่อย ๆ ครับ

Short URL =  http://bit.ly/ZuIneH

==============================

ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ + เงินสด + มูลค่าปัจจุบันของ [ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับระหว่างถือหุ้น 10 ปี ]

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"