Sunday, September 30, 2012

กำไรของผู้ถือหุ้น กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และเงินลงทุนเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของกิจการ คืออะไร ?

     มีเพื่อนนักลงทุนถามผมมาว่า capital spending ที่ผมใช้ในการชำแหละหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น คืออะไร ? หาอย่างไร ผมคิดว่า เพื่อนอีกหลายท่านคงจะสงสัยเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เลยขอนำมาอธิบายให้หายสงสัยพร้อม ๆ กันดังนี้ครับ 
     ทุกท่านอาจเคยได้ยินสำนวนการลงทุนที่ว่า ในการประกอบธุรกิจนั้น "Cash is King." สำนวนนี้เปรียบเทียบว่า เงินสดมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด กิจการที่มีกำไรแต่เงินสดขาดมือ ก็มีสิทธิ์ล้มละลายเอาได้ง่าย ๆ ดังนั้นบริษัทใดประกอบกิจการแล้วมีกำไรและมีกระแสเงินสดไหลเข้ากิจการอย่างต่อเนื่องก็มีโอกาสมากที่กิจการนั้นกำลังอยู่ในภาวะเจริญรุ่งเรืองเหมาะในลงทุนเพื่อเข้าไปมีส่วนเป็นเจ้าของ แต่กิจการใดงบการเงินมีกำไรสุทธิทุกปี ขณะเดียวกันก็มีกระแสเงินสดไหลออกจากกิจการโดยตลอด เพื่อนนักลงทุนอาจจะกำลังถูกหลอกตบตาด้วยเทคนิคทางบัญชีให้เข้าใจว่ากิจการกำลังเจริญรุ่งเรือง แต่ความจริงกำลังจะเจ๊งก็เป็นได้ ดังนั้นจึงต้องดูทั้งกำไรสุทธิและกระแสเ้งินสดประกอบกันครับ ในงบการเงินของกิจการ (รวมทั้งบริษัทย่อย) ที่บริษัทจดทะเบียนต้องส่งให้ กลต. ทุกไตรมาสนั้น จะประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ได้แก่ 

  • งบดุล รายงานสถานะของกิจการด้านสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ ณ วันสิ้นงวดที่รายงาน 
  • งบกำไรขาดทุน รายงานเกี่ยวกับ รายได้ ค่าใช้จ่าย กำไร/ขาดทุน ที่กิจการทำได้ในงวดที่รายงาน
  • งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น รายงานเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้น การเพิ่ม/ลดทุน การจ่ายเงินปันผล ที่เกิดขึ้นในงวดที่รายงาน
  • งบกระแสเงินสด รายงานเกี่ยวกับกระแสเงินสดที่ไหลเข้าิิสู่/ออกจากกิจการซึ่งเกิดขึ้นในงวดที่รายงาน จัดแบ่งเป็นประเด็นย่อยสี่ประเด็นคือ 
    • กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน       $$$
    • กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน @@@
    • กระแสเงินสดจากกิจกรรมการจัดหาเงิน 
    • ยอดเงินสดคงเหลือ ณ วันสิ้นงวดที่รายงาน
  • หมายเหตุประกอบงบการเงิน อธิบายรายละเอียดในประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่อยากกล่าวในงบการเิงิน ให้รกหูรกตา ผู้ทำงบการเงินจะกำกับหมายเลขให้ไปดูรายละเอียดในหมายเหตุประกอบงบการเงินนี้แทน (ถ้าเป็นหนังสือ ส่วนนี้ก็เหมือนภาคผนวกนั่นเอง)

     เพื่อไม่ให้เทคนิคการบัญชีที่ถูกกฎหมายหลอกเอาได้ แทนที่จะดูแค่กำไรสุทธิ ผมมองผลประกอบการลึกลงไปอีกชั้นคือ ดูกำไรของผู้ถือหุ้นที่สร้างขึ้นได้ในแต่ละปี แทนที่จะดู { กำไรสุทธิ = รายได้ - ค่าใช้จ่าย } ก็ไปดู { กำไรของผู้ถือหุ้น = กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน - กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน } โดยที่กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน เป็นเงินสดที่ต้องจ่ายออกไปเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กิจการ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจอันจะนำมาซึ่งผลประกอบการที่ดีอย่างยั่งยืน ในส่วนนี้จะเอามาเฉพาะกระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุนซึ่งเกี่ยวกับ ที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ และทรัพย์สินไม่มีตัวตน (ซอฟท์แวร์ สิทธิการเช่า สัมปทาน ใบอนุญาต แฟรนไชส์) ไม่รวมส่วนที่เป็นการลงทุนซื้อขายเพื่อการเก็งกำไร 
     บริษัทที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานไหลเข้ามาก แต่จำเป็นต้องจ่ายเงินสดจำนวนน้อยออกไปเพื่อลงทุนสร้างความสามารถในการแข่งขัน จะมีเงินสดพอกพูนอยู่ในกิจการมาก ทำให้มูลค่าความเป็นเจ้าของที่ผู้ถือหุ้นซื้อลงทุนเอาไว้เพิ่มพูนตามไปด้วย โดยสะท้อนออกมาเป็นราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น และเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นได้รับ ดังนั้นการชำแหละหามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ แม้ว่าจะต้องลงลึกเข้าไปอีกชั้นเพื่อดูกำไรของผู้ถือหุ้นที่มาจากเงินสดที่เกิดจริง ๆ ในกิจการ แต่ก็คุ้มกว่าการดูแค่กำไรสุทธิ ดู PE ดู PBV ดู DE ที่อาจจะถูกหลอกได้ง่าย ๆ เพราะว่าในที่สุดแล้ว "Cash is King." ยังเป็นจริงมาตลอดตั้งแต่มนุษย์เริ่มใช้เงินสดเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนค้าขายจนถึงปัจจุบันและจะเป็นอย่างนี้ต่อไปในอนาคตครับ

===================================================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าปัจจุบันของ (เงินสด + กำไรของผู้ถือหุ้นและเงินปันผลระหว่างถือหุ้น 10 ปี + เงินรับเมื่อขายกิจการทั้งหมด)

พิมพ์คำว่า "ลงทุนหุ้นไทย" ในกูเกิล

 facebook.com/truestockvalue
 twitter.com/thstockinvest
 gplus.to/chamlaehoon
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น


Saturday, September 29, 2012

ติดตามหุ้น JAS ผ่านกราฟรายสัปดาห์และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 ปี

     ผมติดตามหุ้น JAS ผ่านมุมมองกราฟรายสัปดาห์ โดยการลากเส้นประสีเขียวเชื่อมจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา จากนั้นลากเส้นขนานกันไปผ่านจุดสูงสุดของปี 2011 แ้ล้ววาดอีกเส้นไว้กึ่งกลางระหว่างสองเส้นแรกได้ออกมาเป็นช่องแนวโน้มขาขึ้นที่ดูมีเหตุผลดีทีเดียว ในภาพจะเห็นว่าราคาหุ้นได้เปลี่ยนผ่านจากช่องย่อยด้านล่างไปอยู่ในช่องเล็กด้านบนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังทดสอบแนวต้านหลักที่เป็นจุดสูงสุดเดิมในปี 2011 เส้นสีเขียวบนสุดบ่งชี้ว่ายังมีที่ว่างให้ไปชนขอบบนของช่องแนวโน้มได้อีกพอสมควร ในขณะที่ MACD และ RSI ยังไม่เกิดสภาวะซื้อมากเกินไปครับ จากภาพจะเห็นว่าหุ้น JAS รายสัปดาห์ได้เคยใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 104 สัปดาห์ หรือสองปี (เส้นสีเหลือง) เป็นจุดสิ้นสุดการพักปรับฐานเมื่อปลายปี 2011 หลังจากที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดในช่วงต้นปีครับ

===================================================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าปัจจุบันของ (เงินสด + กำไรของผู้ถือหุ้นและเงินปันผลระหว่างถือหุ้น 10 ปี + เงินรับเมื่อขายกิจการทั้งหมด)

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

 facebook.com/truestockvalue
 twitter.com/thstockinvest
 gplus.to/chamlaehoon
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

Friday, September 28, 2012

CK มีแนวโน้มย้อยลงมาปิดแก็ปที่ซุ่มซ่ามเปิดทิ้งเอาไว้

     หลังจากที่ราคาหุ้น CK ได้ทะลุผ่ากรอบธงสามเหลี่ยมขึ้นไปได้ บัดนี้สัญญาณ  MACD (ในวงรี)  และ RSI (ในกรอบสี่เหลี่ยมแดง) บ่งชี้ว่ามีโอกาสมากที่ราคาหุ้นจะย้อนลงมาปิดแก็ปที่เปิดกระโดดเอาไว้แถว ๆ ราคาต่ำกว่า 8 บาทเล็กน้อย (ลูกศรชี้) และอาจถือโอกาสพักเอาแรงเพื่อรอให้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 75 วัน (สีเหลือง)ตามขึ้นมาให้เกือบทันก่อนไปต่อครับ




===================================================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าปัจจุบันของ (เงินสด + กำไรของผู้ถือหุ้นและเงินปันผลระหว่างถือหุ้น 10 ปี + เงินรับเมื่อขายกิจการทั้งหมด)

พิมพ์คำว่า "ลงทุนหุ้นไทย" ในกูเกิล

 facebook.com/truestockvalue
 twitter.com/thstockinvest
 gplus.to/chamlaehoon
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

ติดตามเงินลงทุนของต่างชาติ วันที่ 28 กันยายน 2012

     สิ้นวันที่ 28 กันยายน 2012 ผมกรอกปริมาณการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศในฐานข้อมูลแล้ววาดกราฟเทียบกับดัชนี SET ได้ดังภาพข้างล่างครับ

 


     ในกราฟข้างบน ผมสร้างช่องแนวโน้มปริมาณเงินลงทุนของต่างชาติในหุ้นไทยเป็นสีน้ำเงิน จะเห็นได้ว่าฝรั่งลงมาตั้งหลักที่จุดต่ำสุดใหม่ที่ยังสูงกว่าจุดต่ำสุดในเืดือนมิถุนายน 2012 ทำให้ต้องสร้างช่องแนวโน้มใหม่ตามจุดต่ำใหม่ดังกล่าว เมื่อลากเส้นขนานขึ้นไปลากผ่านจุดสูงสุดด้านบนพบว่า ช่องใหม่นี้ ดีกว่า [ ช่องเดิม ] เพราะเส้นประสีเขียวขอบล่างลากผ่านจุดต่ำสุดใหญ่สองจุด และเส้นประเขียวขอบบนลากผ่านจุดสูงสุดใหญ่สองจุดและยังผ่านจุดสูงสุดเล็กทางซ้ายมืออีกด้วย

     สำหรับดัชนี SET ผมสร้างช่องแนวโน้มเป็นสีแดง วันนี้ดัชนี SET ทำ new high อีก พูดคร่าว ๆ ได้ว่าถึง 1300 จุดแล้ว ในภาพจะเห็นดัชนี SET ไต่ระดับช้า ๆ ไปตามเส้นกึ่งกลางช่องแนวโน้มสีแดงไปเรื่อย ๆ ในภาพรวมต่างชาติยังไม่เข้านะครับ แต่เอาเงินเข้าประเทศมาแล้วยังไม่เข้าตลาดหุ้นเท่านั้นเอง เมื่อดู [ แนวต้านตาม Fibonacci ] ตอนนี้ SET อยู่ระหว่างระดับ fibonacci 1282.78 # จุด และ 1,304.47 ## จุด เหลือประมาณ 5 จุด จะชนขอบบนของช่วงเป้าหมาย fibonacci นี้แล้ว ครับ

===================================================

ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าปัจจุบันของ (เงินสด + กำไรของผู้ถือหุ้นและเงินปันผลระหว่างถือหุ้น 10 ปี + เงินรับเมื่อขายกิจการทั้งหมด)


พิมพ์คำว่า "ลงทุนหุ้นไทย" ในกูเกิล


 facebook.com/truestockvalue

 twitter.com/thstockinvest
 gplus.to/chamlaehoon
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

Thursday, September 27, 2012

FB ลงมาปิดแก็ปที่เปิดเอาไว้ให้กังวลเล่นเรียบร้อบแล้ว

     หลังจากที่ผู้บริหารเฟซบุ๊คออกมากำหนดทิศทางของกิจการว่าต่อไปนี้จะเน้นแนวโมบาย ผู้ถือหุ้นพากันดีใจไล่ราคาแบบก้าวกระโดด [ ทำให้เปิดช่องแก็ปเอาไว้ให้กังวลเล่น ] ผมเคยเปรียบเทียบขำ ๆ ว่า เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 75 วันของกราฟเฟซบุ๊คที่ลอยอยู่เหนือราคาหุ้น (เส้นสีส้มแถว ๆ ราคา 25 ดอลลาร์)  เป็นเหมือนยานแม่ลำใหญ่ ลอยอยู่ในท้องฟ้า รอให้ยานเล็กที่เสร็จสิ้นภารกิจบนพื้นโลกกลับเข้าไป การพุ่งของราคาหุ้นเฟซบุ๊คแบบก้าวกระโดดซึ่งเหลือทิ้งช่องว่างราคาหรือแก็ปไว้ให้กังวลเล่น (ช่องว่างระหว่างเส้นแนวนอนสีน้ำเงินในภาพข้างล่าง) ก็เป็นสัญญาณว่า ยานแม่อาจจะไม่เปิดประตูรับยานเล็กในความพยายามครั้งแรกเนื่องจากทำภารกิจไม่เรียบร้อย มีการทิ้งร่องรอยการมาเยือนโลกเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่เปิดประตูและสั่งยานเล็กให้ร่อนลงมาพักที่พื้นโลกก่อนเพื่อปิดช่องแก็ปที่เปิดเอาไว้แล้วค่อยขึ้นไปหายานแม่ในรอบหน้าซึ่งหวังว่าประตูจะเปิดรับ ในภาพเราคงเห็นได้ชัดเจนว่า ความพยายามครั้งแรกของยานเล็กนั้นล้มเหลวตามคาด และมันได้ร่อนลงมาปิดช่องแก็ปที่เปิดทิ้งไว้แล้ว จากนี้ไปก็ต้องลองขึ้นไปหายานแม่อีกที มาตามดูต่อไปครับว่า คราวนี้ยานแม่จะใจดีเปิดประตูให้ผ่านเข้าไปหรือไม่


===================================================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ + มูลค่าปัจจุบันของ [ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับระหว่างถือหุ้น 10 ปี ]

ค้นหา "ลงทุนหุ้นไทย"

หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

28 กันยา วันซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์และของเดือน demand line ของ IVL เอาอยู่ไหม?

      ก่อนเฟดออก QE3 ผมเคยถามเพื่อนนักลงทุนว่า [ เส้นดีมานด์ของ IVL จะเอาอยู่ไหม ] แนวโน้มในตอนนั้นค่อนไปทางเอาไม่อยู่ หล้ง QE3 ออกแล้วราคา IVL ก็ยังไม่พุ่งขึ้นอย่างที่หลายคนคาดหวัง เพราะต่างชาติไม่เอาเงินมาลงหุ้นประเภท global แต่เอามาเข้าพวก domestic แทน ผมลองดูกราฟหุ้น IVL รายสัปดาห์อย่างละเอียดอีกที ด้วยการวาดข้อมูลทั้งหมดนับตั้งแต่ IPO เป็นต้นมา แล้ววาดเส้นทางเทคนิคได้ออกมาดังภาพข้างล่างครับ ในภาพนี้เส้นสีเขียวเป็น demand line  เส้นสีแดงเป็น supply line ส่วนเส้นสีชมพูและเส้นประสีน้ำเงิน เป็นเส้นขนานของ supply line เส้นขนานทั้งสามเส้นประกอบกันขึ้นเป็นช่องแนวโน้มราคาขาลงของ IVL ในภาพนี้จะเห็นว่า IVL ยังอยู่ในขาลงอย่างชัดเจน เมื่อดูเส้นสีเขียวจะเห็ํนว่า ระยะหลังมานี้ ราคาหุ้นได้เลียบเคียงไปตามแนวเส้นสีเขียว ในตอนแรกก็ถูไถไปตามซีกบนของเส้นสีเขียว แต่ห้าสัปดาห์ล่าสุดได้เปลี่ยนลงมาถูไถไปกับซีกล่างของเส้นสีเขียวแทน (แท่งเทียนของสัปดาห์ปัจจุบันยังไม่ถูกวาดลงในกราฟเพราะยังไม่สิ้นสุดสัปดาห์) ในขณะนี้เส้นดีมานด์สีเขียวกำลังอยู่ที่ 30 บาทพอดี แต่ข้อมูลการซื้อขายหุ้น IVL ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน 2012 ที่กำลังจะปิดลงในอีกสองวันทำการนี้อยู่ในช่วงต่ำสุด-สูงสุด 28.25-29.75 ต่ำกว่าเส้นสีเขียว ดังนั้นสิ้นสัปดาห์นี้ IVL ควรปิดเหนือระดับ 30 บาท จึงจะได้ชื่อว่ายังไม่หลุดเส้นดีมานด์ แต่ถ้าปิดต่ำกว่า 30 บาท โอกาสไปเยี่ยมบ้านเก่าแถว ๆ 20 บาทตามแนวเส้นประน้ำเงิน กึ่งกลางเส้นแนวโน้มขาลง ก็จะมากขึ้นทุกทีครับ ในกราฟแสดงปริมาณซื้อขาย ผมลากลูกศรสีแดงให้เป็นที่สังเกตุว่า ขณะที่ราคาหุ้นซึมลงเรื่อย ๆ ปริมาณซื้อขายก็ลดลงเช่นกัน อันนี้เป็นสิ่งปกติในหุ้นขาลง และเมื่อถึงตอนนั้นแล้วราคาหุ้นยังคงหลุดเส้นประสีน้ำเงินลงไปอีก ก็มีที่หมายถัดไปตามแนวเส้นสีชมพูที่ราคา IPO ครับ หากราคาหุ้นยังคงหลุดลงไปเรื่อย ๆ เราควรเข้าช้อนตอนไหน จะให้ปลอดภัยผมจะดูที่ RSI ครับ ตอนน้ำท่วมปี 2011 RSI ลงมาที่ 20% คราวนี้ก็ควรจะที่รับบริเวณเดียวกันครับ (วงรีสีแดง)



วันศุกร์ที่ 28 ก.ย. 2012 นอกจากจะเป็นวันซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์แล้ว ยังเป็นวันสุดท้ายของเดือนด้วย หันมาดูกราฟหุ้น IVL รายเดือนดูบ้าง ดังภาพข้างล่าง จะเห็นว่าจริง ๆ แล้ว IVL ได้หลุดจากเส้น demand line ตั้งแต่เดือนสิงหาคมแล้ว (แท่งเทียนสุดท้ายในภาพ ส่วนแท่งเทียนของเดือนกันยายนต้องรอปิดเดือนก่อนจึงจะเห็น) จากภาพเส้นดีมานด์ในขณะนี้อยู่ที่ 30 บาท เหมือนในกราฟรายสัปดาห์ ดังนั้นวันศุกร์นี้ราคาหุ้น IVL ต้องปิดสูงกว่า 30 บาท จึงจะได้ชื่อว่ายังไม่หลุดจากเส้นดีมานด์ แต่ถ้าทำไม่ได้ ผมไม่เห็นจุดรับตรงไหนในกราฟนี้นอกจาก จุดต่ำสุดตอนน้ำท่วมปี 2011 ประมาณ 23 บาท และอีกจุดคือ ราคา IPO 10 บาท ครับ



===================================================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าปัจจุบันของ (เงินสด + กำไรของผู้ถือหุ้นและเงินปันผลระหว่างถือหุ้น 10 ปี + เงินรับเมื่อขายกิจการทั้งหมด)

พิมพ์คำว่า "ลงทุนหุ้นไทย" ในกูเกิล

 facebook.com/truestockvalue
 twitter.com/thstockinvest
 gplus.to/chamlaehoon
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

ติดตาม foreign fund flow ถึง 26 ก.ย. 2012

      หลังต่างชาติเทขายหุ้นไทยสุทธิวันเดียวกว่าหกพันล้านบาท (น่าจะเกิดจาก GE เทขาย BAY 7% เป็นหลัก) ผมอัพเดตข้อมูลแล้ววาดกราฟปริมาณการลงทุนในหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาตินับตั้งแต่ปลายปี 2003 เป็นต้นมา จากภาพข้างล่างจะเห็นว่า ในกรอบระยะเวลาดังกล่าว มีเงินนอกทะลักเข้าประเทศไทยสองรอบใหญ่ คือรอบ 2004 และรอบ 2008  ผมวาดช่องแนวโน้มเข้าไปในกราฟปริมาณหุ้นไทยในมือต่างชาติด้วยเส้นประสีชมพู จะเห็นได้ว่า การไหลเข้าของเงินนอกรอบ 2004 เข้ามาด้วยอัตราเร่งที่สูงกว่ารอบ 2008 ค่อนข้างมาก เปรียบเทียบกันแล้วการไหลเข้ารอบ 2008 ยังคงมีปริมาณน้อยกว่ารอบ 2004อยู่มาก เมื่อเจาะไปดูเฉพาะรอบ 2008 จะเห็นว่า ขณะนี้ปริมาณหุ้นในมือต่างชาติอยู่กึ่งกลางช่องแนวโน้มพอดีครับ ถ้าดูขอบบนของช่องแนวโน้มจะเห็นช่องว่างที่ยังขึ้นไปได้อีกระยะหนึ่ง ครับ


===================================================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าปัจจุบันของ (เงินสด + กำไรของผู้ถือหุ้นและเงินปันผล
ะหว่างถือหุ้น 10 ปี + เงินรับเมื่อขายกิจการทั้งหมด)

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

Wednesday, September 26, 2012

ชำแหละพื้นฐานหุ้น HTECH 2012Q2 ดูอัตราส่วนของข้อมูลที่น่าสนใจ


     ผมชำแหละพื้นฐานหุ้น HTECH รวมงบการเงิน 2012Q2 สกัดได้ข้อมูลแล้วเอามาเปรียบเทียบกันเป็นอัตราส่วนที่น่าสนใจดังตารางในภาพข้างล่างครับ


===================================================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าปัจจุบันของ (เงินสด + กำไรของผู้ถือหุ้นและเงินปันผล
ะหว่างถือหุ้น 10 ปี + เงินรับเมื่อขายกิจการทั้งหมด)

ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

ชำแหละพื้นฐานหุ้น HTECH 2012Q2 ดูข้อมูลแบบสะสมที่สกัดได้จากงบการเงิน

ผมชำแหละพื้นฐานหุ้น HTECH รวมงบการเงิน 2012Q2 สกัดได้ข้อมูลแบบสะสมดังตารางในภาพข้างล่างครับ
 

ข้อมูลในตารางเป็นข้อมูลแบบสะสมจากปี 2007 เป็นต้นมา จากการใช้ค่ารายได้คาดการณ์ปี 2012 เท่ากับ 
525.63 ล้านบาท เติบโต 25% จากปี 2011 ดังนั้นจึงคาดว่ารายได้สะสม ณ สิ้นปี 2012 จะมีค่า 2,115.21 ล้านบาท ผมจะใช้ค่ารายได้สะสมนี้เป็นกุญแจไขไปสู่มูลค่าที่แท้จริงของ HTECH ต่อไปครับ


===================================================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าปัจจุบันของ (เงินสด + กำไรของผู้ถือหุ้นและเงินปันผลระหว่างถือหุ้น 10 ปี + เงินรับเมื่อขายกิจการทั้งหมด)

พิมพ์คำว่า "ลงทุนหุ้นไทย" ในกูเกิล

 facebook.com/truestockvalue
 twitter.com/thstockinvest
 gplus.to/chamlaehoon
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"

ชำแหละพื้นฐานหุ้น HTECH 2012Q2 ดูข้อมูลที่สกัดได้จากงบการเงิน


ผมชำแหละพื้นฐานหุ้น HTECH รวมงบการเงิน 2012Q2 สกัดได้ข้อมูลดังตารางในภาพข้างล่างครับ


ข้อมูลสำคัญที่ผมจะใช้ในการหามูลค่าที่แท้จริงของ HTECH คือคาดการณ์รายได้ที่กิจการจะสร้างขึ้นได้ตลอดปี 2012 ซึ่งผู้บริหารคาดว่าจะเติบโตอย่างน้อย 25% จากปี 2011 หรือมีรายได้ 525.63 ล้านบาท โอกาสที่ค่านี้จะเป็นจริงมีมากแค่ไหน ดูได้จากรายได้ครึ่งปีที่ทำได้แล้ว 271.68 ล้านบาท หากครึ่งปีหลังทำได้เท่ากัน ก็น่าจะได้ 543.36 ล้านบาท หรือเพิ่มจากปี 2011 เท่ากับ 29.22% เป็นไปได้อย่างมากที่จะมีรายได้ตามเป้าที่ผู้บริหารคาดไว้ ครับ 

===================================================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าปัจจุบันของ (เงินสด + กำไรของผู้ถือหุ้นและเงินปันผลระหว่างถือหุ้น 10 ปี + เงินรับเมื่อขายกิจการทั้งหมด)

พิมพ์คำว่า "ลงทุนหุ้นไทย" ในกูเกิล

 facebook.com/truestockvalue
 twitter.com/thstockinvest
 gplus.to/chamlaehoon
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"