ในกราฟข้างบนจะเห็นได้ว่า เวลาที่ดีที่สุดในการเข้าลงทุนหุ้น SINGER อยู่ตรงบริเวณที่ผมวาดเป็นเส้นแนวตั้งสีเขียว ซึ่งสัญญาณ MACD เพิ่งตัดกันแบบขาขึ้น และราคาหุ้นเพิ่งทำการพักปรับฐานลงมาจนถึงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญเช่น เส้น 75 วัน (เส้นเหลือง) หรือเส้น 200 วัน (เส้นฟ้า) จะเห็นว่าหลังจากจุดดังกล่าว ราคาหุ้นได้กลับฟื้นตัวขึ้นไปผ่านจุดสูงสุดเดิมจนกระทั่งเลยไปทำจุดสูงสุดใหม่แล้วจึงพักปรับฐานอีกครั้ง คราวนี้มาดูกันว่า พอราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นไประยะหนึ่งแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะทำจุดสูงสุดเมื่อใด ถ้าดูกราฟจะเห็นว่า จุดสูงสุดเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นเบนออกห่างจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 75 วัน (เส้นสีเหลือง) มาก ๆ ในกราฟผมวาดเส้นสีส้มมีลูกศรเพื่อแสดงระยะห่างระหว่างราคาหุ้น และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 75 วัน เมื่อเปรียบเทียบกับการทำจุดสูงสุดครั้งก่อน ๆ แล้ว ในปัจจุบันนี้ก็ถือว่าเริ่มหวาดเสียวแล้วล่ะครับ ถ้าเพื่อนนักลงทุนสามารถทนการพักปรับฐานของราคาหุ้นได้ ท่านก็ไม่ต้องแคร์ว่าจะเข้าลงทุนตอนไหนดี ตราบใดที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงถึงครึ่งหนึ่งอย่างในปัจจุบัน แต่สำหรับผมแล้ว การรักษาต้นทุนเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าราคาหุ้นไม่สามารถขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่พักปรับฐานเลย ยังไงก็ต้องปรับลงมาก่อนจะไปต่อ ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรีบเข้าไปลงทุนแต่อย่างใด รอให้หุ้นปรับฐานลงมาแล้วค่อยเข้าซื้อลงทุนก็ได้ จะได้ไม่ต้องทนหดหู่ตอนหุ้นมันลงมาพักเหนื่อย
เมื่อเข้าลงทุนถูกเวลาแล้วก็ควรรอให้ราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นก็รับเงินปันผลเป็น "กระแสเงินสด" ไว้กินขนมหรือจะสะสมไว้รอลงทุนเพิ่มเติม (reinvest the dividend) ตอนจังหวะเหมาะ ๆ ก็ได้ ตามอัธยาศัย ถ้าบรรยากาศการลงทุนไม่เปลี่ยนเช่น รัฐบาลยังคงอุดหนุนรากหญ้า ด้วยนโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศอยู่ต่อไป และมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นยังคงปรับขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามผลประกอบการ เราก็ยังถือหุ้นต่อไปได้เรื่อย ๆ ที่ผมเล่ามาทั้งหมดจะถือว่าเป็น "แผนการลงทุน" ซึ่งก็คือสิ่งที่เราคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะทำอย่างไรบ้าง เมื่อหาหุ้นที่น่าลงทุนเจอแล้ว สรุปสั้น ๆ เป็นคำขวัญประจำใจได้ว่า "ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด" ครับ
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
เมื่อเข้าลงทุนถูกเวลาแล้วก็ควรรอให้ราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นก็รับเงินปันผลเป็น "กระแสเงินสด" ไว้กินขนมหรือจะสะสมไว้รอลงทุนเพิ่มเติม (reinvest the dividend) ตอนจังหวะเหมาะ ๆ ก็ได้ ตามอัธยาศัย ถ้าบรรยากาศการลงทุนไม่เปลี่ยนเช่น รัฐบาลยังคงอุดหนุนรากหญ้า ด้วยนโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศอยู่ต่อไป และมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นยังคงปรับขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามผลประกอบการ เราก็ยังถือหุ้นต่อไปได้เรื่อย ๆ ที่ผมเล่ามาทั้งหมดจะถือว่าเป็น "แผนการลงทุน" ซึ่งก็คือสิ่งที่เราคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะทำอย่างไรบ้าง เมื่อหาหุ้นที่น่าลงทุนเจอแล้ว สรุปสั้น ๆ เป็นคำขวัญประจำใจได้ว่า "ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด" ครับ
===================================================
ผ่างบการเงิน ชำแหละพื้นฐานหุ้น ลงทุนถูกเวลา รักษาต้นทุน นำหนุนกระแสเงินสด
มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าปัจจุบันของ ( เงินสด + กำไรของผู้ถือหุ้นและเงินปันผล
ระหว่างถือหุ้น 10 ปี + เงินรับเมื่อขายกิจการทั้งหมด )
มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น = มูลค่าปัจจุบันของ ( เงินสด + กำไรของผู้ถือหุ้นและเงินปันผล
ระหว่างถือหุ้น 10 ปี + เงินรับเมื่อขายกิจการทั้งหมด )
ติดตาม "ลงทุนหุ้นไทย" ที่
หาเพื่อนนักลงทุนในกลุ่มสนทนา " ชำแหละพื้นฐานหุ้น"